วันนี้ (12 ส.ค.2568) ไทยพีบีเอสลงพื้นที่ไปยังพุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ปฏิบัติธรรมของวัดพระบาทน้ำพุ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 28 ไร่
จากการสังเกตพบว่า อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ และก่อสร้างสวนอาคารอาทรประชานาถ โดยเริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ก.ค. - 24 พ.ย.2568 แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดงบประมาณในการก่อสร้าง เมื่อเข้าไปตรวจสอบในเพจเฟซบุ๊ก "พุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ" ได้ปิดประกาศผู้ชนะเสนอราคา โครงการก่อสร้างสวนอาคารอาทรประชานาถ ภูมิสถาปัตยกรรม รูปแบบถ้ำ สวนป่า น้ำตก และบ่อน้ำเลี้ยงปลา ด้วยวิธีการประกวดราคา ได้แก่บริษัท ซุ้มนายช่าง จำกัด มูลค่าว่าจ้าง 13,200,000 บาท
จากการสอบถามคนดูแลสถานที่ ว่าที่ดิน 28 ไร่ เป็นชื่อใครถือครองที่ดิน คนดูแลวัดอ้างว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องถามรายละเอียดจากวัด

ไทยพีบีเอสลงพื้นที่สำรวจโครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 2 ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี เมื่อเข้าไปภายในโครงการ พบที่ตั้งของบริษัท เอพลัส พาวเวอร์ จำกัด จากการสังเกตพบว่า ภายในบริษัทไม่มีความเคลื่อนไหวของบุคคล บางจุดมีเศษไม้ หญ้าขึ้นปกคลุม ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่อ้างว่า บริษัทดังกล่าวปิดไปนานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งบริษัท เอพลัส พาวเวอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2550 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
ถัดเข้าไปจะมีที่ตั้งของสำนักงานมูลนิธิพระธรรมรักษ์ ภายในสำนักงานไม่มีบุคคลอยู่ภายในเช่นกัน อีกจุดเป็นอาคารขนาดใหญ่ เตรียมก่อสร้างเป็นโรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
ส่วนสุดท้ายของโครงการ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 33 จากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ระบุว่า โรงเรียนมีนักเรียน ราว 500 คน หลังจากวัดได้มอบที่ดินให้โรงเรียน ที่ดินตกเป็นที่ราชพัสดุ และโรงเรียนได้รับงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. แต่จะมีเงินช่วยเหลือจากวัดพระบาทน้ำพุบ้างเป็นครั้งคราว เช่น การทาสีโรงเรียน ซ่อมกำแพง ซึ่งเป็นงบประมาณไม่มาก ซึ่งวัดยังคอยช่วยเหลือ และยังทำกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนากับโรงเรียนมาโดยตลอด
พระเจษฎา จิรัฏฐิโก พระลูกวัด วัดธรรมรักษ์นิเวศน์ ยอมรับว่า โครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 2 ถูกเรียกว่าที่ดิน 2,000 ไร่ แต่พื้นที่ทั้งหมดไม่ถึง 2,000 ไร่ เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ส่วนที่ดินจริงคาดว่ามีประมาณ 800-900 ไร่ เท่านั้น โดยอ้างว่าผู้ถือครองที่ดินคือ นายธนไชย ไวยาวัจกรที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่รายละเอียดการโอนที่ดินคืนวัด ตนไม่ทราบข้อมูล
พระเจษฎา บอกว่า โครงการนี้เป็นดำริของหลวงพ่ออลงกตจัดทำมา 20 กว่าปีแล้ว เนื่องจากช่วงที่ก่อตั้ง มีผู้ป่วยอยู่เยอะ ล้นธรรมรักษ์นิเวศน์ 1 (วัดพระบาทน้ำพุ) จึงต้องขยายมาโครงการนี้ ซึ่งภายในโครงการก็จะมี บ้านพักผู้ป่วย บ้านเด็กธรรมรักษ์ โรงเรียน มูลนิธิสิทธิเด็ก และโรงพยาบาล โดยโครงการนี้จะให้ผู้ที่ป่วยติดเชื้อ HIV ที่เป็นผู้ใหญ่แข็งแรงมาอาศัยอยู่และมีอาชีพทำกิน โดยมีทั้งงานทำความสะอาดภายในชุมชน ก็จะได้เงินเดือนจากมูลนิธิ ส่วนงานการเกษตร ก็นำไปขายให้โครงการ ลักษณะเป็นวิสาหกิจชุมชน ยืนยันว่ามีรายได้ นอกจากนี้โครงการก็ยังรับเด็กที่มีเชื้อรวมถึงเด็กที่ได้รับผลกระทบจากผู้ติดเชื้อมาดูแลด้วยเช่นกัน

ซึ่งโครงการนี้เดิมทีตอนที่เปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบได้ประมาณ เกือบถึง 20 ปี พึ่งมารกร้างช่วง 5-6 ปี เนื่องจากตัวยาพัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยน้อยลงสถานที่ตรงนี้จึงรกร้าง อีกทั้งการหาอาสามาสมัครก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากพื้นที่ห่างไกลและเงินเดือนของมูลนิธิน้อย
ส่วนโรงงานด้านหน้าทางเข้าของโครงการเป็นโรงงานไฟฟ้า คาดว่าความคิดตอนนั้นของหลวงพ่ออลงกตอยากให้ชาวบ้านเอาไม้มาเผาผลิตไฟฟ้าใช้เอง แต่เคยลองผลิตแล้ว พบว่าเครื่องไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องปิดตัวลง
ส่วนสาเหตุโรงพยาบาลนี้ยังสร้างไม่เสร็จ พระเจษฎา ก็ไม่ทราบ แต่เมื่อก่อนเคยมีสถานีอนามัยภายใน มีพยาบาลอยู่ประจำประมาณ 15-16 ปี ก่อนที่จะมาสร้างเป็นโรงพยาบาล
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า การสืบสวนสอบสวนต่อจากนี้ ทุกคนที่มีรายชื่อครอบครองที่ดินวัดพระบาทน้ำพุ ต้องชี้แจงที่มาในการถือครองที่ดิน ว่าเงินในการซื้อที่ดินมาจากไหน หรือหากเงินที่ใช้ซื้อที่ดินเป็นเงินส่วนตัวของหลวงพ่ออลงกต มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้คนอื่นใส่ชื่อถือครองที่ดินแทน
ดังนั้นการที่วัดให้ผู้อื่นถือครองที่ดินแทน ส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ เพราะปกติวัดสามารถถือครองที่ดินเองได้ จึงยังมีข้อสงสัยว่า เงินที่ได้จากการทำบุญของประชาชน นำไปใช้ถูกต้องตามเจตจำนงของผู้บริจาคหรือไม่ โดยเฉพาะการซื้อที่ดิน และสร้างที่พัก

"หลวงพ่ออลงกต" ไม่ตอบคำถามสื่อ หลังประชุม คกก.วัด
พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่มารอสัมภาษณ์ภายในวัด
ระหว่างนั้น มีญาติโยม นำพวงมาลัยและส้ม มาถวายให้กำลังใจ หลวงพ่ออลงกตกล่าวขอบคุณ ก่อนจะขึ้นรถตู้ออกไป โดยไม่ทราบว่าปลายทางจะเดินทางไปที่ไหน
ก่อนหน้านี้ หลวงพ่ออลงกต พร้อมคณะกรรมการวัด และทีมทนายความ เข้าร่วมประชุมภายในวัด ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องประชุม
ขณะที่นายบรรเจต เทศพำนัก หรือ "เลขาปู" คนใกล้ชิดหลวงพ่ออลงกต ระบุว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องการบริหารการเงินของวัด เนื่องจากกระแสข่าวขณะนี้ ทำให้มีผู้มาบริจาคน้อยลง มีเพียงผู้ป่วยที่มาวัด และคนมาบริจาค
นายบรรเจต ยังระบุว่า คณะกรรมการวัดอยู่ระหว่างการหารือ เรื่องการจัดตั้งทนายความ และการประชุมแต่ละครั้ง คณะกรรมการยังมาไม่ครบ ทำให้ข้อมูลบางอย่าง ยังไม่สามารถชี้แจงได้ แต่พร้อมชี้แจงทุกประเด็น ภายในสัปดาห์นี้
กรณีทนายเกิดผล แสดงความเป็นห่วงหลวงพ่ออลงกต เพราะมีลูกศิษย์บางคนทำให้เสื่อมเสีย นายบรรเจต บอกว่า ต้องไปดูว่าลูกศิษย์คนไหน เพราะขณะนี้ ยังติดต่อพูดคุยกับทนายเกิดผลปกติ
ประเด็นที่มีชื่อบุคคลอื่น สลักหลังโฉนดที่ดินของวัด นายบรรเจต ย้ำว่า ทรัพย์สินอยู่กับที่ อะไรที่เป็นของวัด ก็ยังเป็นของวัด ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่มานานกว่า 30 ปี และการที่เอาชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่วัด ไปถือครองโฉนดที่ดิน มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานหรือไม่ นายบรรเจตตอบว่า ไม่ทราบ ผู้เกี่ยวข้องต้องเป็นคนตอบส่วนตัวเป็นเพียงคณะกรรมการ ซึ่งสิ่งที่ตัวเองเห็น ถูกต้องทุกอย่าง
อ่านข่าว :
"หลวงพ่ออลงกต" งดกิจนิมนต์ เตรียมพาสื่อดูที่ดิน 2,000 ไร่ จ.ลพบุรี