วันนี้ (20 ส.ค.2568) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีทหารไทยพบโทรศัพท์ที่ภูมะเขือ และพบภาพและคลิปทหารกัมพูชากำลังฝังทุ่นระเบิด PMN-2 นอกจากนี้ในคลิปยังมีการพูดเป็นภาษาเขมร คล้ายกำลังสาธิตทุ่นระเบิด PMN-2 ว่า
กรณีดังกล่าวจะทำ 2 อย่าง ในแง่ของนานาชาติจะเผยแพร่เพื่อให้สังคมโลกได้รับทราบว่า ห้วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแสดงความจริงใจในการหยุดยิงแต่กำลังพลหน้างานยังปฏิบัติการยั่วยุ ฝ่าฝืน ทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้ารัฐบาลกัมพูชามีความจริงใจ ก็แสดงว่าทหารไม่มีวินัย ขณะนี้ตนมองอย่างนั้นก่อน ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่มีความจริงใจค่อยว่ากันอีกที
ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการในขณะนี้ คือ ต้องดำเนินการให้สังคมรับทราบทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้ชัดเจนว่า คณะกรรมการอนุสนธิสัญญาออตตาวา คณะกรรมการใหญ่ซึ่งอยู่ที่กรุงเจนีวา ซึ่งไทยมีเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ก็จะคอยติดตามขับเคลื่อน ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า จะมีการประชุมประจำปีในช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค.
แต่มีสื่อมวลชนบางสำนัก บอกให้รอเดือน พ.ย. - ธ.ค. ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นคือ กลไกหลักแต่ขณะเดียวกันเรามีหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งตนรับทราบจากกระทรวงการต่างประเทศว่า คณะอนุกรรมการออตตาวา ได้ขอหลักฐานมาเรื่อย ๆ ดังนั้นกรณีที่พบหลักฐานเพิ่มเติมก็จะส่งเพิ่มเติมไป
ขณะเดียวกันนอกจากคณะกรรมการชุดใหญ่อยู่ที่นครเจนีวา ยังมีคณะกรรมการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราได้พยายามติดต่อประเทศญี่ปุ่นให้คณะกรรมการชุดนี้ลงพื้นที่มาดูก่อนก่อนที่จะถึงการประชุมใหญ่ ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ตอบรับแต่ไทยยังรอขั้นตอนว่าจะลงมาได้เมื่อใด
ขณะเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กลไกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ก็พยายามจะพูดคุยกับกัมพูชา ด้วยสภาพแวดล้อมสังคมข้อมูลข่าวสาร ก็น่าจะมีความกดดันกับกัมพูชาได้พอสมควร ดังนั้นในการประชุม GBC รอบหน้า จะยกเรื่องนี้มาหารืออีกว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะทำอย่างไร
อยากจะให้สื่อมวลชนเข้าใจว่า GBC หรือ ศบ.ทก.จะใช้กลไกการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (RMAC) โดยจะดำเนินการในกรอบอาเซียน แม้ประเทศอื่นจะเข้ามาก็ขอให้เป็นในลักษณะการสนับสนุนเครื่องมือ จะไม่เอากำลังจากนอกภูมิภาคอาเซียนเข้ามา
ดังนั้น แนวทางการทำงานของ GBC และ ศบ.ทก. จะเน้นในเรื่องทวิภาคี แต่ถ้าเป็นพหุภาคีก็ขอให้อยู่ในกรอบอาเซียนซึ่งต้องทำให้เวทีโลกเห็นว่า อาเซียนสามารถดูแลกันเองได้ เป็นสิ่งที่ตนได้เน้นย้ำกับหน่วยปฏิบัติ ดังนั้นจึงอยากให้สื่อมวลชนเห็นว่า การทำงานมีเรื่องต้องคำนึงหลายด้านไม่ใช่เฉพาะเรื่องทหาร แต่ยังรวมถึง สังคมจิตวิทยาเศรษฐกิจ และการเมือง
หลักของเราเมื่อผมรับผิดชอบ GBC และ ศบ.ทก.ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่อย่างไรก็ตาม ก็ถือหลักเดิมว่า ขอแก้ปัญหาด้วยกลไกทวิภาคีเป็นหลัก หลังจากนั้นในส่วนของพหุภาคีขอให้อยู่ในอาเซียน ประเทศอื่นขอให้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว
พร้อมย้ำว่า ฝ่ายความมั่นคงยึดถือนโยบายความสมดุลมาโดยตลอด สมมติว่า ถ้าจีนเข้ามาต่อไปสหรัฐฯก็จะขอเข้ามา ต่อไปประเทศอื่นก็จะขอเข้ามา นี่คือกรอบที่เราใช้อยู่ โดย พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวอีกว่า ขอให้สื่อมวลชนช่วยอธิบายกับสังคมและนักวิชาการ ให้เข้าใจความคิดของ ศบ.ทก.และ GBC เนื่องจากต้องคำนึงในหลายเรื่องและในหลายด้าน
ส่วนที่ทางกัมพูชาออกมาระบุว่า เป็นการสร้างหลักฐานของฝ่ายไทย โดยอ้างว่าชุดทหารในคลิปเป็นชุดจากทหารเชลยศึกทั้ง 18 คน พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ตราบใดที่ยึดมั่นในความจริง เครดิตเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ หลักฐานที่มีนั้นชาวโลกจะเชื่อถือใคร เราหรือกัมพูชา ตนจึงบอกว่า ตราบใดที่ยึดหลักความจริงแม้อาจจะล่าช้าไปบ้างก็ต้องขออภัยเนื่องจากต้องตรวจสอบ ดังนั้นจึงไม่อาจตอบโต้หรือสวนกลับได้ทันที แต่ถ้าเป็นเฟกนิวส์จะสามารถตอบโต้และสวนกลับได้หมด
ยกตัวอย่างถ้าตนเป็นเพียงลุงคนหนึ่ง ตนสวนได้ทันที เพราะข้อมูลมีอยู่แล้ว สวนได้ หรือ นักวิชาการต่าง ๆ ที่ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ ก็สวนได้ทันที จะพูดอะไรก็ได้ แต่เพราะตนเองเป็น ผอ.ศบ.ทก. ประธาน GBC และ รมช.กลาโหม จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน การใช้ความจริงสู้กับเฟกนิวส์ นั่น คือ เครดิตในระดับประเทศ ดังนั้นหลักของ ศบ.ทก. คือ ยึดถือความจริงไปสู้กับเฟกนิวส์
พล.อ.ณัฐพล ยังย้ำว่า จะส่งหลักฐานที่พบไปให้ ก.ต่างประเทศ เพื่อส่งหลักฐานที่พบใหม่ให้กับประเทศที่ให้เงินทุนสนับสนุนในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับประเทศกัมพูชา และขณะนี้มีรายชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นแต่ละประเทศจะตัดสินอย่างไรก็ต้องรอฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ตนมั่นใจว่า ข้อมูลของเรามีความน่าเชื่อถือ ความจริงอย่างไรก็บิดเบือนไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า RMAC มีกัมพูชาเป็นประธาน จะให้ความร่วมมือหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กัมพูชาเป็นประธาน แต่อีก 9 ประเทศสมาชิก คงไม่ถูกครอบงำได้ทั้งหมด พร้อมย้ำคำเดิมว่า เราต้องค่อย ๆ การสู้ด้วยความจริงกฎหมาย สู้ด้วยความถูกต้อง ถึงแม้จะยากแต่ก็ยั่งยืน
"โรม" ชี้ ต่อให้ไม่เจอคลิป "ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด" ไทยก็แต้มต่อเยอะมาก
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทหารไทยได้พบโทรศัพท์ของกัมพูชามีการอัดคลิป พบว่า มีการใช้ทุ่นระเบิดและการวางระเบิดในเขตไทยว่า
ขณะนี้ไทยมีแต้มต่อเยอะมากแต่อยู่ที่ว่าจะใช้หรือไม่ ในเรื่องการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ต่อให้ไม่มีคลิปภาพนั้นก็มีหลักฐานเพียงพออยู่แล้วในการขยายผลของการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา แต่เท่าที่ตนดูนานาชาติยังไม่ได้มีการประณามกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ยังอยู่ในขั้นของการนำเสนอข้อมูลให้นานาชาติ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราได้นำเสนอกันไปพอสมควรแล้ว ก.ต่างประเทศ ต้องไปพิจารณาว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีการประณาม หรือ ตำหนิกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาในเรื่องนี้
ทั้งนี้ การมีภาพเพิ่มขึ้นและมีหลักฐานที่ชัดเจน ก็ถือเป็นข้อมูลหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฝั่งไทยอย่างแน่นอน แต่ฝั่งกัมพูชาก็จะสู้กลับว่าเป็นการจัดฉาก ก็ต้องชี้แจงนานาชาติให้เกิดความเข้าใจว่า เรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้น ต้องทำงานเชิงรุกต่อไป ก.ต่างประเทศ ต้องรอให้คนออกมาตำหนิครั้งหนึ่งถึงขยับทีหนึ่ง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราจะเสียเชิง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มากไปกว่านั้นต้องพากัมพูชาไปศาลอาญาระหว่างประเทศ ด้วยความที่กัมพูชาเป็นหนึ่งในภาคี เราสามารถดำเนินการเอาผิดได้ ซึ่งเรื่องนี้มีหลายมิติ ทั้งคอลเซนเตอร์ การโจมตีเป้าหมายพลเรือน จึงคิดว่า จุดนี้จะทำให้ไทยได้เปรียบทำให้แก้ปัญหาหลายเรื่องไปพร้อมกันได้
หากทำสำเร็จจะเป็นการสร้างสันติภาพระยะยาวตามแนวชายแดน ไม่อยากให้เป็นความขัดแย้งบาดหมางระหว่างคน 2 ชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากรัฐบาลพนมเปญและรัฐบาล ไทยไม่ควรทำให้เกิดการขยายวง ดังนั้น การใช้กลไกศาล ICC เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เท่าที่ปรึกษานักกฎหมายระหว่างประเทศ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถฟ้องร้องได้ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวก
เมื่อถามว่า การที่มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอฟ้องแค่ภายในประเทศ สะท้อนอะไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขั้นตอนในประเทศก็เป็นเพียงแค่ขั้นตอนส่งสัญญาณ แต่ถ้าไม่ดำเนินการจริงจัง ก็เท่านั้น ทุกคนในฝ่ายความมั่นคงทราบว่า กัมพูชาใช้ไทยเป็นฐานในการฟอกเงิน มีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในประเทศไทย หากไม่มีการยึดทรัพย์อย่างแท้จริงก็เปล่าประโยชน์
ตนก็เป็นห่วงว่าที่ประเทศไทยยั้งมือ เพราะเรามีผลประโยชน์กับกัมพูชาเยอะหรือไม่ ถ้ามีเยอะก็เป็นไปได้ว่า เขาเอาเรื่องนี้มาต่อรอง ซึ่งรัฐบาลต้อง ออกมาตอบคำถามเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ตัวเองไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องนี้ เรียนตามตรงว่า ผลประโยชน์ของทั้ง 2 ตระกูล ก็คงมีมานาน แต่วันนี้ต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลควรยึดผลประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด และใช้โอกาสนี้ในการสร้างสันติภาพระยะยาว"
อ่านข่าว : สกัดจับ 21 ชาวกัมพูชาลอบเข้าไทย ซุกไร่อ้อยชายแดนสระแก้ว
IOT ตรวจช่องอานม้า พบกัมพูชาละเมิดหยุดยิง UNHCR กลายเป็นบ่อน
พล.อ.ประวิตร ให้กำลังใจ 8 ทหารบาดเจ็บ เหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา
แท็กที่เกี่ยวข้อง: