วันนี้ (22 ส.ค.2568) ตำรวจชุดสืบสวนนครบาลเข้าช่วยเหลือ หญิงพนักงานบริษัท ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินเรียกค่าไถ่จากครอบครัว รวมกว่า 2,900,000 บาท ออกจากโรงแรมใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ขณะช่วยเหลือผู้เสียหายอยู่ในสภาพ หวาดกลัว ถือโทรศัพท์กำลังวิดีโอคอลกับแก๊งมิจฉาชีพ แต่เมื่อตำรวจปรากฏตัว สายถูกตัดทันที ตำรวจนำตัวผู้เสียหายและครอบครัวมาสอบปากคำที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ผู้เสียหายเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 มีเบอร์ไม่รู้จักโทรมาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลใน จ.เชียงใหม่ แจ้งว่าเด็ก 3 ขวบถูก แก๊งค้ามนุษย์ ทำร้าย ต้องผ่าตัดด่วนภายใน 24 ชั่วโมง และติดต่อหาผู้ปกครอง แม้ผู้เสียหายปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ปกครอง แต่ปลายสายกดดันและให้แอดไลน์ของ ตำรวจ สภ.ช้างเผือก เพื่อวิดีโอคอลยืนยัน
ต่อมา ผู้ที่อ้างเป็นตำรวจระบุว่า บัญชีธนาคารของผู้เสียหาย ถูกใช้รับเงิน 800,000 บาทจากแก๊งค้ามนุษย์ และต้องโอน 200,000 บาท เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินครั้งแรก แก๊งบังคับให้โอนเพิ่มอีก 800,000 บาท โดยสั่งให้ติดต่อครอบครัวและคนใกล้ชิดยืมเงิน
แก๊งคอลเซนเตอร์บังคับให้ผู้เสียหาย วิดีโอคอลตลอดเวลา ห้ามวางสาย ข่มขู่ว่าห้ามเล่าเรื่องให้ผู้อื่นรู้ มิฉะนั้นอาจ ได้รับอันตราย และสั่งให้ย้ายที่อยู่เพื่อแยกจากผู้อื่น หลังสอบปากคำ พบว่าผู้เสียหายถูกบังคับให้หลอกครอบครัวและคนใกล้ชิดโอนเงินรวม 2,900,000 บาท ไปยัง บัญชีม้าของแก๊งมิจฉาชีพ โดยยอมรับว่าเชื่อเพราะ ความสงสาร คิดว่าปลายสายเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและตำรวจจริง
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า บัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปเป็น บัญชีม้าของคนไทย และเชื่อว่าแก๊งคอลเซนเตอร์มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบัน แก๊งเปลี่ยนวิธีหลอกโดย ใช้ความรู้สึกและความกลัวเป็นตัวล่อ บางครั้งบังคับให้ผู้เสียหายทำร้ายตัวเองและถ่ายภาพหลอกครอบครัวให้โอนเงิน ตำรวจเตือนประชาชนระวังกลโกงที่อ้างเป็นหน่วยงานรัฐ
อ่านข่าวอื่น :