วันนี้ (27 ส.ค.2568) การประชุมกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร โดยนายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม รองประธานกรรมาธิการ เป็นประธานในที่ประชุม พิจารณาเรื่องการให้ความคุ้มครองและสวัสดิภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดน โดยได้เชิญภาครัฐตัวแทนกระทรวงมหาดไทย-ผู้ว่าการไฟฟ้า-ผู้ว่าการประปา-ผู้ว่าราชการ4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา มีอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์
นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม กล่าวว่า ครม.อนุมัติมาตรการเยียวยาใหม่เพิ่มลงพื้นที่ จึงเน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทย รีบดำเนินการไปยังพื้นที่ และการเยียวยาทุกจังหวัด อย่าให้มีการตกหล่น สอดคล้องกันนี้นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส. พรรคชาติไทยพัฒนา เน้นย้ำการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เพราะทราบข้อมูลมาว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งยังไม่ได้รับเงินเยียวยา
นายวรณัฎฐ์ หนูรอด รักษาการตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง ตัวแทนกระทรวงมหาดไทยชี้แจงตามประเด็น ความคืบหน้างบประมาณเยียวยาผ่านงบกลาง โดยมีคณะตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยร่วมเข้าให้ข้อมูล ซึ่งนายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อัปเดตสถานการณ์ในพื้นที่และความเสียหายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ได้สรุปตัวเลขผู้ประสบภัย ผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้
มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวน 883 หลัง ความเสียหาย 18,900,000 บาท จ.บุรีรัมย์ 15 หลัง สุรินทร์ 222 หลัง ศรีสะเกษ 489 หลัง และ จ.อุบลราชธานี 148 หลัง ซึ่งมีจำนวนหนึ่งดำเนินการซ่อมแซมเสร็จสิ้น และยังมีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการซ่อมแซม
ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิตตามมติ ครม. จากงบกลาง ตามหลักเกณฑ์ที่ได้ประกาศไว้ พลเรือนผู้เสียชีวิตจะได้ 8 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณเพิ่งโอนเงินมาให้ในวันที่ 26 ส.ค.จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร ส่วนทหารจะได้รับการชดเชยกรณีเสียชีวิต 10 ล้านบาท
ด้าน นางศศิมา ราชานนท์ ตัวแทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า เรื่องดูแลการจ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องเงินทดรองราชการ มีหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเบิกจ่าย โดยใช้กรอบเวลา 3 เดือน ในช่วงการเบิกเงิน หากมีเหตุจำเป็นก็จะขยายและเวลาให้การช่วยเหลือ หลังจากนั้นจะเป็นการรวบรวมใบสำคัญและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อเบิกเงินงบประมาณเพื่อชดใช้เงินทดรองราชการ
นายภพ ภูสมปอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้รายงานความคืบหน้าการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ด้านการดำรงชีพจากที่บ้านเสียหาย 148 ลัง ให้เงินช่วยเหลือ 1,365,523 บาท ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ และให้การช่วยเหลือด้านการเกษตร รวมถึงพิจารณาให้ค่าตอบแทน ชรบ. 2,379,600 บาท ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.น้ำยืน อ.น้ำขุ่น อ.นาจะหลวย โดยอุบลราชธานี เบิกจ่ายเงินทดลองราชการในวงเงิน 100 ล้านบาท จำนวน 4,020,279 บาท
นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ได้รายงานสถานการณ์จากงบประมาณ 100 ล้านบาทได้มอบอำนาจให้ทางอำเภอที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่ รวมถึงจัดสรรงบไปที่ ปภ.จังหวัด ในช่วงสิ้นเดือนนี้ จึงจะสามารถสรุปเงินที่ใช้ไปได้อย่างครบถ้วน เสนอแนะเรื่องระเบียบหลักเกณฑ์ให้มีความคล่องตัวขึ้น หากเกิดเหตุภัยพิบัติหรือสถานการณ์อีกในอนาคต
โดยหยิบยกหนึ่งในระเบียบของกระทรวงการคลัง เรื่องเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ คำนิยามที่ยังไม่ได้ชัดเจนเรื่องพื้นที่ประสบภัยเนื่องจากบางอำเภอหรือบางจังหวัดไม่ได้ประกาศภัยสูงสุด ในการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ต้องตั้งศูนย์พักพิงให้ห่างระยะการยิงของฝั่งกัมพูชา
ยังเสนอให้มีการปรับหลักเกณฑ์การช่วยเหลือมีประเด็นข่าวว่าบางที่ช่วย 70 บาท ที่จริงมีหลักเกณฑ์เขียนไว้อันนี้คือหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยปี 2563 รองรับระเบียบของกระทรวงการคลัง 5.1 ด้านดำรงชีพค่าวัสดุซ่อมแซม ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นเจ้าของ รับค่าใช้จ่ายจริงหลังไม่เกิน 49,000 บาท
“ข้อจำกัดให้แต่ค่าวัสดุ 73 บาท 75 บาท ที่เป็นข่าวว่า ไม่ได้ให้ค่าแรง บางทีหากให้ค่าเสียหายอย่างเดียว ค่าน้ำมันไปซื้อค่าสังกะสี 1,000 บาท ก็เพิ่มขึ้น ค่าแรงช่างคิดเป็นวัน เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถซ่อมได้ จึงต้องใช้เงินส่วนตัว เพื่อเป็นค่าแรงเกือบ 300,000 บาท ในการช่วยซ่อมที่ไม่มีค่าแรง หรือนำอาชีวะเข้ามาช่วย หากแก้ตรงนี้ได้ แทนที่จะบอกว่า ค่าวัสดุอย่างเดียว ให้เป็นค่าวัสดุและค่าแรงไปด้วย จะได้ช่วยชาวบ้านให้กลับสู่สภาพเดิม” นายชำนาญกล่าว
อ่านข่าว : ทบ.ซัดกัมพูชารุกล้ำบ้านหนองจาน หนุนหลังชาวบ้านยั่วยุหวังปะทะ