ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เจอกันรอบ 7 ปี อินเดีย-จีนฟื้นสัมพันธ์ท่ามกลางแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ

ต่างประเทศ
11:49
83
เจอกันรอบ 7 ปี อินเดีย-จีนฟื้นสัมพันธ์ท่ามกลางแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ
อ่านให้ฟัง
05:03อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สี จิ้นผิง - นเรนทรา โมดี พบกันครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่เทียนจิน ในการประชุม SCO 2025 ท่ามกลางความผันผวนโลกและแรงกดดันจากสหรัฐฯ ทั้งสองมุ่งฟื้นความสัมพันธ์ ลดความตึงเครียดชายแดน และสร้างระเบียบโลกที่หลากหลายขั้ว

วันนี้ (1 ก.ย.2568) CNN วิเคราะห์ถึง สถานการณ์การเจอกันในรอบ 7 ปีของ 2 ผู้นำเอเชีย สี จิ้นผิง และ นเรนทรา โมดี ในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เมืองเทียนจิน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 1 ก.ย.2568 การพบกันครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และแรงกดดันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่กำหนดอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 25 และเพิ่มอีกร้อยละ 25 สำหรับการที่อินเดียนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนสงครามในยูเครน

การพบกันครั้งนี้สะท้อนความพยายามของทั้ง 2 ชาติในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เย็นชาตั้งแต่การปะทะรุนแรงที่ชายแดนหิมาลัยในปี 2563 ซึ่งคร่าชีวิตทหารทั้ง 2 ฝ่ายและนำไปสู่การระงับความร่วมมือในหลายด้าน

สี จิ้นผิงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนและอินเดียต้องเป็น "มิตรที่ดีและหุ้นส่วนที่ส่งเสริมความสำเร็จ" โดยเปรียบเปรยถึง "มังกรและช้างที่เต้นรำร่วมกัน" เพื่อสร้างความมั่นคงในระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ขณะที่โมดีตอบรับด้วยการยืนยันว่า อินเดียมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์บนพื้นฐานของ "ความไว้วางใจและความเคารพ" โดยชี้ว่าความร่วมมือนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชากรทั้ง 2 ชาติที่รวมกันแล้วมากกว่า 2,800 ล้านคน และมีส่วนสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของโลก

หนึ่งในประเด็นสำคัญของการหารือคือความตึงเครียดบริเวณเส้นควบคุมตามความเป็นจริง (LAC) ซึ่งเป็นพรมแดนที่ยังไม่มีการกำหนดอย่างชัดเจนและเป็นต้นตอของความขัดแย้งมาตั้งแต่สงครามจีน-อินเดียในปี 2505 แม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยังคงประจำการทหารจำนวนมากในพื้นที่ แต่มีสัญญาณบวกจากการตกลงผ่อนคลายความตึงเครียด รวมถึงการฟื้นฟูเที่ยวบินตรงที่หยุดชะงักตั้งแต่ช่วงโควิด-19 การเปิดสถานที่แสวงบุญในทิเบตตะวันตกสำหรับชาวอินเดีย และการกลับมาออกวีซาท่องเที่ยว 

บริบทของการประชุม SCO ยังถูกกำหนดโดยแรงกดดันจากสหรัฐฯ ซึ่งพยายามดึงอินเดียมาเป็นพันธมิตรเพื่อถ่วงดุลอำนาจจีนผ่านกรอบความร่วมมือ เช่น กลุ่ม Quad

อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีของทรัมป์ได้สร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดีย ทำให้จีนมองเห็นโอกาสในการดึงอินเดียเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น การที่โมดีมีกำหนดหารือทวิภาคีกับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในวันถัดไป ยังสะท้อนถึงความพยายามของอินเดียในการรักษานโยบายการจัดวางตัวที่หลากหลาย เพื่อรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับทั้งจีนและรัสเซียท่ามกลางความขัดแย้งโลก

เลขานุการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย Vikram Misri ระบุว่าการหารือระหว่างสีและโมดีครอบคลุมถึงความท้าทายระดับนานาชาติ และมุ่งใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องว่าความแตกต่างไม่ควรกลายเป็นข้อพิพาท และความร่วมมือที่มั่นคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเติบโตของทั้ง 2 ชาติและการสร้างระเบียบโลกที่หลากหลายขั้ว อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์เตือนว่าความไม่ไว้วางใจที่ฝังรากลึกและประเด็นชายแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอาจเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้าในระยะยาว

การพบปะครั้งนี้ไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย แต่ยังเป็นสัญญาณของความพยายามในการกำหนดทิศทางของระเบียบโลกใหม่ ท่ามกลางความท้าทายทั้งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การที่จีนและอินเดียสามารถหาจุดยืนร่วมกันได้หรือไม่ จะเป็นตัวกำหนดไม่เพียงอนาคตของความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่ยังรวมถึงบทบาทของทั้ง 2 ชาติในเวทีโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

อ่านข่าวอื่น :

"ฮุน มาเนต" ขอจีนสนับสนุนหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา

จีนต้อนรับ 20 ผู้นำโลก ประชุมความร่วมมือ SCO 2025