วันนี้ (4 ก.ย.2568) นายพลรัตน์ จันทร์เทพ ผู้อำนวยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ วาระปี 2568-2571 เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ น.ส.ศรินทร เลืองวัฒนะวณิช อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งเป็นคณะของ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในฐานะผู้สมัครนายกหมายเลข 3 และกรรมการสภาทนายความหมายเลข 25-46 ได้ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการมรรยาททนายความ
เพื่อขอให้พิจารณาและมีคำสั่งให้การเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความเป็นโมฆะและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมทำหนังสือส่งถึงผู้อำนวยการเลือกตั้งให้ระงับการประกาศผลการเลือกตั้งและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากพบว่าการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2568 ส่อกระทำผิดและขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 ตลอดจนข้อบังคับว่าด้วยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ พ.ศ. 2529 และ และระเบียบหรือประกาศปฏิบัติในการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ ว่ากระบวนการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเป็นอำนาจของคณะกรรมการมรรยาททนายความ ซึ่งคณะกรรมการมรรยาททนายความมีการประชุมในวันนี้ว่าจะดำเนินการอย่างต่อไป

ในส่วนของคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง ในวันนี้ได้รายงานผลสรุปการลงคะแนนการเลือกตั้งต่อคณะกรรมการมารยาททนายความ และจะมีการอัปเดตผลคะแนนในเว็บไซต์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุผลที่ช้าเพราะเป็นการเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยต้องนำผลการนับคะแนนแต่ละหน่วยการเลือกตั้งมาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะสรุปผลคะแนนได้ และหลังจากนี้คณะกรรมการมรรยาททนายความจะประกาศผลอย่างเป็นทางการต่อไป
ทั้งนี้คาดว่ามีการตั้งกรรมการตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามคำร้องเรียนหรือไม่ โดยทางคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งจะต้องเข้าไปให้ข้อมูลแต่ละข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการมรรยาททนายความ ซึ่งกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
และหลังทางกรรมการมรรยาททนายความประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ถ้าผู้ใดจะคัดค้านผลการเลือกตั้งต้องยื่นคัดค้านภายใน 60 วัน

สำหรับสาระสำคัญของหนังสือขอให้พิจารณาการเลือกตั้ง รวม 12 ประการ ได้แก่
1.การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งที่ไม่เป็นกลาง ขัดต่อหลักความยุติธรรมในการเลือกตั้งอย่างร้ายแรง (ตามข้อบังคับข้อ 19)
2.การจัดทำและประกาศบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งบกพร่องและส่อไปในทางทุจริต (ตามข้อบังคับข้อ 22)
3.การเผยแพร่บัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยข้อบังคับสภาทนายความและผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจัดทำบัญชีรายชื่อเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยเจตนาให้ผู้สมัครผู้หนึ่งผู้ใดได้เปรียบผู้สมัครรายอื่น (ตามข้อบังคับข้อ 23)
4. การละทิ้งหน้าที่และปฏิบัติการโดยไม่เท่าเทียมต่อผู้แทนผู้สมัคร (ตามข้อบังคับข้อ 38)
5. การเปิดการลงคะแนนหลังเวลา 09.00 น.และความไม่เป็นระเบียบและสร้างความวุ่นวายและเสียหายต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการลงคะแนนอย่างร้ายแรง (ตามข้อบังคับข้อ 39 และข้อ 41 วรรค 2)
6. การดำเนินการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งที่บกพร่องและขัดต่อข้อบังคับ (ตามข้อบังคับข้อ 41 วรรค 2)
7. การทอดทิ้งหน้าที่ในการควบคุมพื้นที่เลือกตั้งและเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตอย่างชัดแจ้ง (ตามข้อบังคับข้อ 49)
8. การนับคะแนนขัดต่อหลักการป้องกันการทุจริต ไร้ความโปร่งใสอย่างร้ายแรงและขัดต่อข้อบังคับ (ตามข้อบังคับข้อ 55)
9. การปล่อยปละละเลยให้มีการฝ่าฝืนระเบียบและประกาศกำหนดของกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง
10.ระบบรายงานผลการนับคะแนนขาดความน่าเชื่อถือและมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนอย่างผิดปกติ
11.มีการให้เงินตอบแทนเพื่อให้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดี ขัดต่อการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กรอย่างร้ายแรง และเป็นการผิดต่อข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความข้อ 18 อย่างชัดเจน
12.ผู้สมัครนายกขาดคุณสมบัติตามมาตรา 35(4) แห่งพรบ.ทนายความ เนื่องจากผู้สมัครนายกและกรรมการสภาทนายความต้องไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดีและไม่เป็นผู้ได้กระทำการใดซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่น่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริต
อ่านข่าว :
"ธนพล" นั่งนายกสภาทนายความคนใหม่ ชนะแชมป์เก่า "วิเชียร" กว่า 1 พันคะแนน
ป.ป.ส. ชู Best Practice โมเดลต้นแบบแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน
กยศ.คำนวณหนี้ใหม่เพิ่มอีกกว่า 4.3 แสนบัญชี แสดงผลผ่านแอป 31 ส.ค.นี้