วันนี้ (5 ก.ย.2568) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ภายหลังการโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเฉพาะกิจ โดยมีวาระการทำงาน 4 เดือนว่า
ก่อนอื่น ส.อ.ท. ต้องขอแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และยินดีที่ประเทศไทยมีความชัดเจนด้านผู้นำรัฐบาล ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนและภาคธุรกิจ หลังจากที่การเมืองมีความไม่แน่นอนมาระยะหนึ่ง”
เราหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ และกล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะในทีมเศรษฐกิจหลัก เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะสิ่งนี้จะเป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ แม้จะเป็นรัฐบาลระยะสั้น ก็ควรรีบเร่งทำงานอย่างเต็มที่ทันที
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ระยะเวลา 4 เดือนนับว่าสั้นมาก สำหรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับระบบภาษี การพัฒนาทักษะแรงงาน หรือการวางยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ซึ่งต้องใช้ความต่อเนื่องหลายปีจึงเห็นผลชัดเจน ในระยะเวลาจำกัดนี้ รัฐบาลจึงควรเน้นมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อบรรเทาปัญหาเร่งด่วนและสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ดี
สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่ต้องการเห็นภายใน 4 เดือน ส.อ.ท.เสนอว่ารัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการ ดังนี้
• บรรเทาค่าครองชีพและต้นทุนพลังงาน ที่ส่งผลโดยตรงต่อประชาชนและผู้ประกอบการ
• ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการเพิ่มสภาพคล่อง ลดภาษี และมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
• เร่งรัดการเจรจาการค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ และตลาดสำคัญ เพื่อไม่ให้การเจรจาสะดุดจากการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
• ปรับปรุงระบบธุรกิจและภาษี ให้ทันสมัย ลดความซ้ำซ้อน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน
นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นประเด็นหลักที่กระทบต่อการตัดสินใจลงทุน ภาคธุรกิจและหน่วยงานราชการหลายแห่งอยู่ในภาวะ “wait and see” ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ทำได้เพียงประมาณ 50% ของเป้าหมาย ซึ่งกระทบต่อการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ หากรัฐบาลไม่สามารถดำเนินมาตรการได้อย่างชัดเจน การเจรจาการค้าระหว่างประเทศอาจหยุดชะงัก และการลงทุนใหม่ ๆ อาจล่าช้าออกไป ซึ่งจะเป็นความท้าทายสำคัญของรัฐบาลเฉพาะกิจในช่วงเวลาเพียง 4 เดือนนี้
แม้รัฐบาลจะมีเวลาจำกัด แต่ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างแรงกระตุ้นต่อเศรษฐกิจ และสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้รัฐบาลถาวรในอนาคตมาสานต่อ ภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้มาตรการเหล่านี้เกิดผลจริง
นักวิชาการหวัง ดึง "คนนอก" ร่วม ครม.สร้างความเชื่อมั่น ศก.
ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงกรณี ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบ ให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 32ว่าขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป มั่นใจว่าจะใช้เวลาในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไม่ช้า ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี คาดว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ และเริ่มบริหารงานอย่างเป็นทางการได้ภายในกลางเดือน ต.ค.นี้
ส่วนหน้าตาของคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะมีการนำคนนอกที่เป็นมืออาชีพเข้ามาบริหารงาน ทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นงานที่มีความเฉพาะนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี มั่นใจว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจไทยได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความเชื่อมั่นด้านการค้าและการลงทุน
อ่านข่าว : เปิดเสียงโหวต "อนุทิน" ภท.ไม่แตกแถว-ปชน.มาครบ 143 สส.
ฉลุย! สภาฯ โหวต "อนุทิน ชาญวีรกูล" นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
เปิดโผ ครม.อนุทิน 1 "ภท." ได้ 12 เก้าอี้ คนนอก 5 เก้าอี้ ชื่อ “เศรษฐพุฒิ” โผล่นั่ง "ขุนคลัง"