ชาวสวนลูกพลับบ้านแม่แฮ ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ตัดสินใจนำลูกพลับไปเททิ้ง หลังไม่สามารถขายได้ เพราะจุดรับซื้อบางจุดหยุดซื้อ ทำให้ผลิตเริ่มเน่าเสีย รวมถึงราคาตกต่ำ

นายมงคล พัฒนาคีรีเขต ชาวสวนลูกพลับ เปิดเผยว่าขณะนี้ขายเพียงกิโลกรัมละ 4-5 บาทเท่านั้น เมื่อคิดค่าคนงานเก็บกิโลกรัม 2 บาท รวมกับค่าขนส่งและค่าดำเนินการคือขาดทุนบางส่วนจึงไม่เก็บและปล่อยให้ผลผลิตเน่าคาต้น สำหรับลูกพลับหลังเก็บต้องนำไปบ่มเพื่อให้หายฟาด ก่อนขาย แต่พอถึงเวลาไม่มีคนรับซื้อจึงเสียหายและต้องทิ้ง

นางบุษยารัตน์ อินทรราชา คนรับซื้อบอกว่าปีนี้ถือว่าราคาลูกพลับตกต่ำสุดเท่าที่เคยเห็นมา เพราะทุกปีแบบคละซื้อตั้งแต่กิโลกรัมละ 8 บาทขึ้นไป จากเดิมเคยสั่งวันละ 2-3 คันรถ แต่ปัจจุบัน 2-3 วันถึงจะได้ส่ง 1 คัน และซื้อตามราคาตลาด ซึ่งตั้งแต่รับซื้อผลผลิตลูกพลับปีนี้ถือว่าหนักสุด

ด้านนายวัฒนา ทรงพรไพศาล ประธานกลุ่มผู้ปลูกลูกพลับแปลงใหญ่ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าปีนี้ผลผลิตในพื้นที่มีประมาณ 500 ตัน แต่คาดว่าจะขายออกไปได้ประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น เนื่องจากไม่มีพ่อค้ามารับซื้อเหมือนที่ผ่านมา จากทุกปีที่ผ่านมาราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาทขึ้นไป เมื่อคิดค่าเก็บรวมกับต้นทุนแล้วไม่คุ้มบางส่วนจึงตัดสินใจไม่เก็บ และอยากให้ภาครัฐหามาตรการเข้ามาดูแล

สำหรับปีนี้ผลไม้ในพื้นที่ภาคเหนือ ประสบปัญหาราคาตกต่ำต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ต้นปีเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 มะม่วงราคาตกต่ำ ขายกิโลกรัมละ 4-5 บาท ต่อมาเดือน มิถุนายน - สิงหาคม ลำไยขายไม่ได้ ราคาเกรด AA หรือขนาดใหญ่สุดขายเพียงกิโลกรัมละ 7-8 บาท ขณะที่ต้นทุนสูงถึงกิโลกรัมละ 10-15 บาท บางส่วนปล่อยทิ้งให้เน่าคาต้น และล่าสุดคือลูกพลับ ทำให้ชาวสวนส่วนใหญ่มีหนี้สินตามมาจำนวนมาก อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือทั้งการพักชำระหนี้ รวมถึงการลดต้นทุนการผลิต ปุ๋ย และยา รวมถึงหามาตรการในการช่วยเหลือระยะยาว
รายงาน : เกษม แซ่กือ ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: