ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ศ.ดร.พวงทอง” แนะไทยควรเปิดด่าน เพื่อผลประโยชน์เศรษฐกิจของไทยเอง

การเมือง
13:19
298
“ศ.ดร.พวงทอง” แนะไทยควรเปิดด่าน เพื่อผลประโยชน์เศรษฐกิจของไทยเอง
ดร.พวงทองระบุ การเปิดให้ขนส่งสินค้าระหว่าง ไทย-กัมพูชา เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของไทย ไม่ได้หมายถึงการเสียเปรียบ หรือกระทบต่ออธิปไตยอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

วันที่ 12 ก.ย.2568 ศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า

โปรดเข้าใจเถิดว่าการเปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาให้กับการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย

จากกรณีสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร้องขอให้รัฐบาลไทยเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา และอนุญาตให้มีการส่งสินค้าข้ามแดนได้ แต่กลับถูกทัวร์ชาตินิยมไทยรุมประณามอย่างรุนแรง เพราะเข้าใจว่า สินค้าจากไทยจะทำให้กัมพูชาเข้มแข็งขึ้น เพราะคนไทยเชื่อว่าเราต้องลงโทษกัมพูชา ให้ย่อยยับทางเศรษฐกิจ และเชื่อว่า ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย นี่เป็นความเชื่อที่ผิดทั้งสิ้น ดังนี้

1.สินค้าที่บริษัทญี่ปุ่นต้องการส่งข้ามแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เครื่องอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันของผู้คน แต่เป็นชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ที่ผลิตในลักษณะ Supply chain เช่น ประเทศหนึ่งผลิต และส่งไปประกอบในอีกประเทศหนึ่ง เป็นต้น ฉะนั้น หาก Supply chain ถูก disrupt ประเทศที่เกี่ยวข้องล้วนได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งหมด

2.สถานทูตญี่ปุ่นกล่าวว่า บริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านนี้ เข้ามาลงทุนในไทยและกัมพูชา ตามนโยบาย Thailand Plus ที่ริเริ่มตั้งแต่ปี 2562 หรือในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นโยบายนี้มุ่งชักชวนให้นักลงทุนต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ให้หันมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยไทยมีไอเดียว่า บริษัทต่างชาติสามารถผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่เน้นใช้แรงงานไร้ฝีมือในกัมพูชาได้ (เพราะค่าแรงขั้นต่ำของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน) แล้วส่งชิ้นส่วนเข้ามาประกอบในประเทศไทยได้ โดยได้รับการยกเว้นภาษี (ใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีของ AEC) ส่วนประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และรัฐบาลไทยยังจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับนักลงทุนต่างชาติ

3.เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลไทยก็พานักลงทุนกว่า 20 ราย ไปทัวร์กัมพูชา ไปเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชา เพื่อหาทางจับคู่ทำการลงทุนตามแนวคิด Thailand Plus

4.การปิดด่านชายแดนจึงกระทบต่อภาคการผลิตของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าบริษัทสัญชาติไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่พวกเขาไม่กล้าปริปาก เท่าที่ได้รับข้อมูลมา บริษัทญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนไปใช้การขนส่งทางอากาศและทางเรือแทน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละหลายร้อยล้านบาท

คำถามคือ เขาไม่ได้เป็นคู่กรณีในความขัดแย้ง แต่เขาเข้ามาลงทุนด้วยความเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะอำนวยความสะดวกให้เขาตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่รัฐบาลไทยกลับไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้เขาได้ ด้วยเหตุผลเรื่องชาตินิยมและความเกลียดชังชาวเขมร

พวกเขาคงเข็ดกับประเทศไทย และในอนาคตอันใกล้ คงได้ข้อสรุปว่า ประเทศไทยไม่สามารถสร้างมั่นใจให้นักธุรกิจต่างชาติได้เลย อินฟลูไม่กี่คนก็สามารถขัดขวางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศได้

5.การปิดด่านย่อมทำให้การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในไทย ได้รับผลกระทบด้วยแน่นอน แม้ว่าสินค้านั้นจะเป็นของบริษัทญี่ปุ่น แต่รายได้จากการส่งออกนับเป็นรายได้ของประเทศไทยด้วย หุ้นส่วนก็เป็นคนไทย แรงงานก็เป็นคนไทย

6.ที่น่าสนใจคือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมต.กลาโหม ดูจะมีความเข้าใจปัญหานี้เป็นอย่างดี ท่านจึงเสนอให้เปิดด่าน ทั้งนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ท่านเป็นนายทหารที่สวมหมวกฝ่ายการเมืองด้วย จึงได้รับข้อมูลที่รอบด้านมากขึ้น แต่ที่น่าตกใจคือ ลูกน้องของท่าน แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนเป็นส่วนใหญ่ (ยกเว้นขณะนี้ ที่กำลังเดินสายเลกเชอร์ในเมืองใหญ่) กลับเสนอความเห็นสวนทางแบบไม่เกรงใจผู้บังคับบัญชาเลย

ท่านอาจจะมีความรู้เรื่องการรบดี แต่ท่านยังต้องทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจสังคมการเมืองและการต่างประเทศเพิ่มเติมอีกมาก

7.ไทยส่งออกไปกัมพูชาเดือนละประมาณหมื่นล้านบาท จริง ๆ แม้แต่การห้ามส่งสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำไปยังกัมพูชา ฝ่ายที่เจ็บตัวกว่าแน่ ๆ คือ ฝ่ายไทย ทั้งเจ้าของโรงงานและแรงงานไทย ขณะที่สินค้าเหล่านี้ กัมพูชาสามารถหันไปซื้อจากเวียดนามและจีนได้ แถมราคาถูกกว่าด้วยซ้ำ เราจะต้องสูญเสียตลาดในกัมพูชา ที่นักธุรกิจไทยใช้เวลาสร้างสมมากว่า 30 ปีอย่างนั้นหรือ ? คนไทยอยู่กับการใช้อารมณ์ จนมองข้ามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในระยะยาวหรืออย่างไร ?

อ่านข่าว : “แม่ทัพภาค 2” แจงเอกชนมาเสนอโครงการโดรน แต่ไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น

กสม.ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ทบทวนรื้อเหมืองฝาย จ.เชียงใหม่

CTG เป็นใคร? เสนอ “โครงการโดรนเกษตรอัจฉริยะ” ให้กองทัพภาคที่ 2