เปิดพิกัดฐานสแกมเมอร์กัมพูชา ใต้กลุ่มอิทธิพลคนสนิทฮุน เซน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดเผยตำแหน่งของกลุ่มธุรกิจทุนเทาเหล่านี้ แต่ก่อนหน้านี้หลายหน่วยงานรวมถึง แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ระบุตำแหน่งฐานสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชามาแล้วมากกว่า 50 จุด หลายแห่งมีรายงานข้อมูลผู้ลงทุนว่ามีความเชื่อมโยงกับฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นำไปสู่คำถามว่าการส่งข้อมูลของฝ่ายไทยในครั้งนี้ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่

เคบี คอมเพล็กซ์ ในสีหนุวิลล์ลงทุนโดย ซู อ้ายหมิน

สีหนุวิลล์ จ.พระสีหนุ เมืองหลวงสแกมเมอร์

53 แห่ง คือจำนวนฐานคอลเซนเตอร์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกัมพูชาตามรายงานของแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ในจำนวนนี้ 22 แห่ง หรือเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ในสีหนุวิลล์ จังหวัดพระสีหนุ ที่นี่จึงเปรียบเหมือนเป็นเมืองหลวงแห่งสแกมเมอร์

หนึ่งในพื้นที่ที่ถูกอ้างถึงในรายงาน ตรงกับที่ตั้งของ บริษัท เคบี โฮเทล (KB Hotel) รายงานระบุว่าพบข้อมูลการบังคับใช้แรงงานตั้งแต่ปี 2564 ผู้เสียหายบางรายให้ข้อมูลว่าตัวเองถูกขายมาจากพื้นที่อื่น และ ถูกใช้แรงงานด้วยความรุนแรง

ซู อ้ายหมิน(ขวา)ในงานวันเกิดของฤทธี ซัมนาง(ซ้าย)

เคบี โฮเทล ก่อตั้งเมื่อปี 2562 โดยซู อ้ายหมิน (Xu Aimin) นักธุรกิจชาวจีนที่เคยถูกศาลประเทศจีนพิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานดำเนินกิจการเครือข่ายการพนันออนไลน์ รวมถึงผู้ต้องหาหมายจับตำรวจสากลและถูกทางการฮ่องกงติดตามตัวข้อหาฟอกเงิน โดยร่วมทุนกับ ฤทธี ซัมนาง นักธุรกิจชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2565

ช่วงที่มีชีวิตอยู่ ฤทธี ซัมนาง เป็นสามีของ ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล ลูกสาวของก๊ก อัน ซึ่งทั้งภูเฌอหลิน และ ก๊ก อัน ถูกตำรวจไทยออกหมายจับข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงินร่วมกับสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ

ก๊ก อัน ยังมีฐานะเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีฮุน เซน เป็นประธาน

ก๊ก อัน ถ่ายภาพร่วมกับ ฮุน เซน

บริษัท เคบี โฮเทล อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรของหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่ปี 2565 สหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตรโดยระบุเหตุผลว่า มีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวกและปกปิดหลักฐานของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการบังคับใช้แรงงาน หลังจากนั้นในเดือนเมษายน 2568 ผู้บริหารของบริษัท เคบี โฮเทล ก็ถูกขึ้นบัญชีในกลุ่มเดียวกัน

โรงแรมเคบี โฮเทลถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐและสหราชอาณาจักร

ล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ประกาศคว่ำบาตรเคบี โฮเทล และ ซู อ้ายหมิน เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ การคว่ำบาตรยังรวมถึง บริษัท KBX Investment บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ซู อ้ายหมิน อีกแห่งหนึ่ง

โอร์เสม็ด จ.อุดรมีชัย ฐานสแกมเมอร์ใต้เงาราชาเกาะกง

จังหวัดอุดรมีชัย มีพิกัดฐานคอลเซนเตอร์ 2 แห่ง ตั้งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ไม่เกิน 500 เมตร

ฐานสแกมเมอร์ในโอร์เสม็ด จ.อุดรมีชัย ติดชายแดนไทย

จุดแรกอยู่ติดกับ โอร์เสม็ด รีสอร์ต รายงานระบุว่าพบการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคมปี 2565 และมีการช่วยเหลือเรื่อยมาจนถึงปี 2567

ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอร์เสม็ดรีสอร์ต ถูกชี้เป้าว่าเป็นฐานสแกมเมอร์ แต่ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2567 สถานที่นี้ถูกขึ้นบัญชีคว่ำบาตรโดยกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา โดยในรายงานระบุว่าเจ้าของคือ ลี ยง พัต นักธุรกิจและนักการเมืองชาวกัมพูชาเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ LYP Group

โดยกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง การคว่ำบาตรยังรวมถึงธุรกิจของเขาในเกาะกง และ กรุงพนมเปญ

ราชาแห่งเกาะกง คือ ฉายาของ ลี ยง พัต จากการที่ธุรกิจส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในพื้นที่จ.เกาะกง ตั้งแต่ธุรกิจอาหาร พลังงาน ไปจนถึงธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีบทบาทเป็นตัวเชื่อมให้กับกลุ่มธุรกิจต่างชาติ รวมถึงนักธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนในพื้นที่เกาะกง

ลี ยง พัต(ขวา)

ลี ยง พัต ยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมี ฮุน เซน เป็นประธาน นอกจากนี้ยังเป็นประธานสมาคมออกญากัมพูชา ซึ่งมี ฮุน เซน เป็นประธานกิตติมศักดิ์ ระดับของเขาคือ “ล๊ก เนี๊ยะ ออกญา” ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของตำแหน่งออกญา แต่งตั้งให้กับคนที่บริจาคเงินเข้ารัฐปีละ 4 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป

ในช่วงที่กัมพูชารบกับไทย ลี ยง พัต ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำสมาคมออกญากัมพูชาบริจาคเงินและสิ่งของให้กับทัพหน้ากัมพูชา รวมถึงบริจาคเงินในนามส่วนตัวกว่า 1 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทัพกัมพูชา

ลี ยง พัต นำสมาคมออกญากัมพูชาบริจาคเงินทหารแนวหน้าระหว่างสู้รบกับไทย

บาเวต จ.ซวายเรียง ฐานใหม่ชายแดนเวียดนาม

เมืองบาเวต จังหวัดซวายเรียง ชายแดนเวียดนาม-กัมพูชา มีฐานสแกมเมอร์ 6 แห่ง มากเป็นอันดับ 2 รองจากสีหนุวิลล์ ตามรายงานแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ค้ามนุษย์ กักขัง และบังคับใช้แรงงานอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลนี้ตรงกับสิ่งที่ไทยพีบีเอสเคยได้รับระหว่างลงพื้นที่เมื่อปี 2567 ว่าอาคารสูงแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากด่านพรมแดนกัมพูชา-เวียดนาม

มีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมถึงเด็กหลายคน ถูกหลอก บังคับทำงาน และทำร้ายร่างกาย

ส่วนอาคารสแกมเมอร์อีกแห่งมีรายงานว่า พบเยาวชนหลบหนีออกมาได้ หนึ่งในพิกัดฐานคอลเซนเตอร์ ในรายงานของแอมเนสตีฯ ตรงกับที่ตั้งของ เฮงเหอ บาเวต พร็อพเพอร์ตี (Heng He Bavet Property) ซึ่งเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐคว่ำบาตรเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัทนี้เป็นเจ้าของ เฮงเหอ กาสิโน ซึ่งมีส่วนร่วมกับการหลอกลวงผ่านสกุลเงินดิจิทัล และบังคับใช้แรงงาน รวมถึงรับแรงงานต่อมาจากธุรกิจไซเบอร์สแกม ในเมืองสีหนุวิลล์

ข้อมูลระบุว่าบริษัทนี้มีเฉิน อ้ายหลุน (Chen AI Len) นักธุรกิจชาวจีนเป็นผู้บริหาร โดยมีผู้ร่วมลงทุนคือ ฮุน โต นักธุรกิจชาวกัมพูชา

เฉิน อ้ายหลุน(ซ้าย) บริจาคเงินให้สภากาชาดกัมพูชา

ฮุน โตเป็น หลานของฮุน เซน และ เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นอกจากเป็นผู้บริหารในกลุ่มบริษัทเฮงเหอแล้ว เขาถูกเชื่อมโยงกับธุรกิจ ฮุยวัน กรุ๊ป (Huione Group) ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างน้อย 4,000 ล้านดอลลาร์จากธุรกิจสแกมเมอร์และกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เกาหลีเหนือในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 – มกราคม 2568 รายงานของเว็บไซต์วิเคราะห์บล็อคเชนยังระบุว่า

ฮุยวัน กรุ๊ป เป็นตลาดออนไลน์สำหรับอาชญากรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ของไทยที่บอกว่า ฮุยวัน เป็น 1 ใน 5 บริษัทที่กลุ่มคอลเซนเตอร์นิยมใช้แลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล

ฮุน โต(ขวา) ถ่ายภาพร่วมกับฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา

ทมอดา จ.โพธิสัตว์

ฐานสแกมเมอร์อีกพื้นที่หนึ่งที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทเฮงเหอ อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอ็มดีเอส เฮงเหอ-ทมอดา (MDS Heng He-Thmorda Special Economy Zone) จังหวัดโพธิสัตว์ ติดกับชายแดนจังหวัดตราดของไทย

เขตเศรษฐกิจพิเศษเฮงเหอ ทมอดา

พื้นที่นี้ตั้งอยู่กลางป่า แต่ภายในมีกลุ่มอาคาร 7 กลุ่มที่ถูกชี้ว่าเป็นฐานสแกมเมอร์ เคยมีรายงานการช่วยเหลือคนจีนออกมาจากฐานสแกมเมอร์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 2564

รายงานยังระบุว่าผู้เสียหายบางส่วนถูกย้ายมาจากฐานสแกมเมอร์ชายแดนเมียนมา

พื้นที่นี้ลงทุนโดยกลุ่มบริษัท เฮงเหอ อยู่ภายใต้การดูแลของ ซู เหลียงเซิง (Su Liangsheng) นักธุรกิจชาวจีน ร่วมมือกับ ตรี พรีบ นักธุรกิจและนักการเมืองชาวกัมพูชา

ตรี พรีบ(ขวา)

ตรี พรีบ เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในสมาคมออกญากัมพูชา ซึ่งมีฮุน เซน เป็นประธานกิตติมศักดิ์ บางรายงานระบุว่าเขายังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของฮุน เซน สถานะของตรี พรีบยังมีบทบาทและอิทธิพลในด้านการประสานธุรกิจในพื้นที่ของเขาไม่ต่างจากลี ยง พัต

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร ตรี พรีบ ตั้งแต่ปี 2562 ในข้อหาเกี่ยวข้องกับคอรัปชันและธุรกิจค้าไม้เถื่อน โดยการคว่ำบาตรยังรวมถึงธุรกิจ 11 บริษัทที่จดทะเบียนภายใต้ชื่อของเขาอีกด้วย