ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นักสิ่งแวดล้อมชี้ ขุดลอก “เวียงหนองหล่ม” ทำลายระบบนิเวศพื้นชุ่มน้ำ

สิ่งแวดล้อม
09:55
104
นักสิ่งแวดล้อมชี้ ขุดลอก “เวียงหนองหล่ม” ทำลายระบบนิเวศพื้นชุ่มน้ำ

จากกรณีที่กรมชลประทานเผยแพร่ข้อมูล ยืนยันว่า โครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองหล่ม เป็นโครงการที่มีการพัฒนาและอนุรักษ์แหล่งน้ำ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อให้การเก็บกักน้ำและการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายหรือกระทบต่อระบบนิเวศ

วันที่ 21 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ลงพื้นที่กับสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต บริเวณเวียงหนองหล่ม ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้พูดคุยกับชาวบ้าน นักอนุรักษ์ ถึงความกังวลในระบบนิเวศ ที่ได้รับผลกระทบจากการขุดลอก แก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำ

ผู้สื่อข่าวได้ไปดูแหล่งเรียนรู้ธรณีวิทยา “เวียงหนองหล่ม” เป็นหอคอยสูงสามารถมองเห็นหนองน้ำและลักษณะภูมิประเทศได้อย่างชัดเจน ในช่วงฤดูฝนพบว่า พื้นที่หนองน้ำมีปริมาณน้ำจำนวนมาก

ส่วนพื้นที่การเลี้ยงวัวควายของปางควาย ถูกจำกัดไว้เฉพาะพื้นที่โซนอนุรักษ์ ที่มีเพียงไม่กี่ไร่ และกำลังถูกแทนที่ด้วยพื้นที่เกษตรกรรม ที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุ่มน้ำ และการร้องเรียนถึงรัฐบาลว่า “เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ชุมชน ตามที่นายกเทศมนตรีตำบลจันจว้า พร้อมผู้นำชุมชน ได้นำเรียนปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกรอบแผนพัฒนาอนุรักษ์ฟื้นฟูกว๊านพะเยา และเวียงหนองหล่ม โดยมอบหมายให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนพัฒนาพื้นที่”

ทำให้ปัจจุบันสภาพเวียงหนองหล่ม กลายเป็นบึงเก็บน้ำขนาดใหญ่ และหลายฝ่ายกังวลถึงผลกระทบระบบนิเวศ โดยเฉพาะ พืช นก ปลา ฯลฯ รวมถึงอาชีพของคนปางควาย บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ด้วย

“เวียงหนองหล่ม” พื้นที่ชุ่มน้ำแหล่งดูนกหายาก

นพ.รังสฤษฏ์ กาญจนะวณิชย์ หรือหมอหม่อง อาจารย์ประจำหน่วยวิชาระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา นักอนุรักษ์และเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนลงพื้นที่เวียงหนองหล่ม มาอย่างน้อยเกือบสามปี ตั้งชมรมอนุรักษ์นกและธรรรมชาติล้านนา ทำการสำรวจนกอย่างน้อยที่สุดปีละครั้งขึ้นไป เพื่อติดตามประชากรของนก ในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลสาบเชียงแสน (หนองบงคาย) และเวียงหนองหล่ม ที่เป็นพื้นที่ติดกัน

ความสำคัญของเวียงหนองหล่ม ในแง่ของจำนวนนกและความหลากหลาย หรือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่า เพราะมีความกว้างกว่าทะเลสาบเชียงแสน และยังถูกขึ้นทะเบียนเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติ หรือ แรมซาร์ไซด์" (Ramsar Site) เพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก เป็นระบบนิเวศที่หาที่อื่นไม่ได้เลย

มีต้นไม้คล้ายเป็นป่าโกงกางน้ำจืด เรียกว่า “ต้นอั้น” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่อยู่ในน้ำได้ช่วงน้ำท่วมอยู่ใต้น้ำไม่ตาย เป็นระบบนิเวศที่ไม่มีที่อื่น

ถ้ามองไกล ๆ จะเป็นทุ่งหญ้า แต่เมื่อเดินไปสำรวจ จะกลายเป็นแผ่นดินที่ยุบลงไปได้ เหมือนเดินบนเยลลี่ ข้างล่างเป็นน้ำ แต่มีชั้นของพืชน้ำที่แน่นหนาที่ทับถมมาหลายปี ระบบนิเวศตรงนี้ไม่มีที่อื่น บริเวณนี้จะมีนกที่หายากมากหลายชนิด “นกแสกทุ่งหญ้า“ ค้นพบครั้งแรกที่นี่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่เคยเจอที่อื่นมาก่อน ในเมืองไทย เจอทำรังและวางไข่

นพ.รังสฤษฏ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเวียงหนองหล่ม ยังเป็นจุดที่น่าตื่นเต้นมากเป็นที่รวมฝูง ”นกเหยี่ยวทุ่ง” ซึ่งเหยี่ยวทุ่งมีหลายชนิด เช่น เหยี่ยวด่างดำขาว ยูเรเซีย เหยี่ยวทุ่งตะวันออก เหยี่ยวทุ่งตะวันตก ซึ่งรวมฝูงหลายร้อยตัวเก็บข้อมูลมาเป็น 20 ปี บางปีก็เพิ่มขึ้นหรือบางปีก็ลดลง

เห็นชัดเลยว่าช่วงสองปีที่ผ่านมาที่เริ่มมีการขุดลอกทำลายระบบนิเวศ เหยี่ยวทุ่งที่เคยมีหลายร้อยตัว ปัจจุบันลดลงไม่ถึงร้อยตัว

การรวมฝูงของเหยี่ยวทุ่ง เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ชาวต่างชาติอยากมาดูมาก และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชอบดูนก จะเข้ามาในพื้นที่ ที่ผ่านมาชมรมฯ เคยไปคุยกับ อบต. และชาวบ้านในพื้นที่หลายครั้ง นำข้อมูลไปให้ดู และอยากให้เห็น ให้เกิดความภูมิใจ ที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่า จะมีโครงการเกิดขึ้น อยากให้เห็นความพิเศษในพื้นที่นี้ ที่ที่อื่นไม่มี

พื้นที่บริเวณ ทะเลสาบเชียงแสน และเวียงหนองหล่ม มีความเฉพาะตัว หรือพิเศษมากไม่เหมือนใคร ถ้าเป็นประเทศญี่ปุ่น มีอนุสาวรีย์เหยี่ยวแล้ว

นพ.รังสฤษฏ์ กล่าวว่า มรดกทางวัฒนธรรม มรดกทางสถาปัตยกรรม อาจจะมองเห็น แต่มรดกทางธรรมชาติ เมื่อสูญเสียไป มันเศร้ามาก ที่ผ่านมาพยายามไปคุย ทำหอดูนก และอธิบาย คนมองแต่การใช้น้ำ “น้ำคือชีวิต” ไม่ใช่เสมอไป

จริง ๆ มีน้ำอยู่แล้ว และมีเยอะอยู่แล้วในชั้นใต้ดิน แต่มองไม่เห็นมัน ถ้าไปเปิดน้ำออกมาให้เป็นเหมือนทะเลสาบ หรืออ่างเก็บน้ำ อาจทำให้ระเหยเร็วมากขึ้น

ส่วนน้ำท่วมในพื้นที่มีลักษณะเป็นน้ำท่วมทุ่ง เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งนำความอุดมสมบูรณ์เข้ามา ไม่ใช่น้ำท่วมบ้านเรือนของผู้คน ชาวบ้านอยู่กับระบบนิเวศเวียงหนองหล่มมาหลายชั่วคน เหตุผลในการขุดลอกไม่เป็นเหตุเป็นผลเลย

อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในหมู่บ้าน เห็นด้วยว่าควรมี แต่การขุดลอกโครงการขนาดใหญ่ ต้องเห็นคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพว่าคืออะไร ทั้งต้นไม้ สัตว์ต่าง ๆ พันธุ์พืช ที่ไม่เคยพบเห็นที่อื่นแทบไม่มีเลย

ถ้าเข้าไปใน Google มีชาวต่างชาติตั้งชื่อ จุดที่มีการขุดลอกว่า Hell scape หรือ ดินแดนนรก เพราะเขาจะไปดูนกก็จะปักหมุดตรงนี้ว่าเป็นดินแดนนรก เนื่องจากไม่มีต้นไม้ มีแต่ดิน ไม่มีพืช ไม่มีชีวิต ชาวต่างชาติที่มาเห็นสภาพแวดล้อมที่พังพินาศ

นพ.รังสฤษฏ์ กล่าวว่า เวียงหนองหล่ม กับหนองบงคาย ความสัมพันธ์ในเชิงพื้นที่ระบบนิเวศ ของทั้งสองส่วน มีความเชื่อมโยงกัน ระบบน้ำมีการไหลถึงกัน ที่สำคัญคือนกน้ำใช้พื้นที่ทั้งสองส่วนบินไปบินมา บางชนิดต้องการน้ำตื้นจะไปบริเวณเวียงหนองหล่ม บางชนิดต้องการน้ำลึกจะมาอาศัยบริเวณหนองบงคาย

หนองบงคายช่วงหลังก็มีปัญหาเยอะ เช่น การเข้าไปรบกวนของคนจับปลา หรือการขยายพันธุ์ของปลาชะโด ไปรบกวนนกเป็ดน้ำ ทำให้นกน้ำมีจำนวนลดลงไม่เยอะเหมือนในอดีต และในบางช่วงก็ไม่มีพืชน้ำทำให้นกไม่มีที่หลบ

กรมชลประทานบอกว่าการขุดลอกไม่กระทบกับระบบนิเวศ?

ผมมองว่า เขาไม่เข้าใจว่า ระบบนิเวศแปลว่าอะไร ? ไม่กระทบระบบนิเวศคุณพูดมาได้อย่างไร? นี่คือการถอนรากถอนโคน แค่เปลี่ยนความลึกของน้ำ ก็เปลี่ยนระบบนิเวศแล้ว

นพ.รังสฤษฏ์ กล่าวว่า แค่การพลิกดินไม่มีแร่ธาตุขึ้นมากลบดินที่อุดมสมบูรณ์ แค่ไปถามเด็กนักเรียนที่ไหนระบบนิเวศเปลี่ยนหรือไม่ สร้างปัญหาหรือไม่ พืชหายหรือไม่ เด็กหรือใครไปดูไม่น่ายาก น่าจะเห็นได้อย่างชัดเจนกระทบหรือไม่กระทบ ส่วนตัวมองว่าพูดมาได้อย่างไร

การฟื้นตัวอาจมีการฟื้นตัวระดับหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา 4-5 ปี แต่ระบบนิเวศจะไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ระบบนิเวศอันเดิม พืชน้ำบางชนิด เช่น “ต้นอั้น” หรือหลายอย่างจะไม่ฟื้นแล้ว หรือ ควายในปางควายก็ลงไม่ได้ เพราะน้ำลึกไม่เหลือสภาพเดิม

“เหยี่ยวทุ่ง” เป็นสมบัติล้ำค่า เป็นนกน้ำอพยพไม่ได้อยู่ทั้งปีที่เคยมีหลายร้อยตัว เหลือไม่ถึง 10 ตัว บริเวณหนองบงคาย และเวียงหนองหล่ม เป็นจุดอพยพของนก ในช่วงฤดูหนาวเป็นจุดที่พบนกที่ไม่พบในที่อื่นของประเทศไทย หรือเป็นจุดที่พบนกชนิดใหม่ๆ ของประเทศไทย

บทเรียนการพัฒนาเวียงหนองหล่ม สะท้อนปัญหาอะไร?

ผมไม่รู้ว่า (กรมชลประทาน) จะเข้าใจหรือไม่? เพราะยังภูมิใจมาก กับการขุดลอก ว่าทำดีมาก แสดงว่า ยังไม่เข้าใจระบบนิเวศคืออะไร? สะท้อนให้เห็นว่า หน่วยงานขาดความรู้เรื่องระบบนิเวศอย่างหนัก

นพ.รังสฤษฏ์ กล่าวย้ำว่า ถ้าจะทำอะไรอย่างนี้ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา ซึ่งเป็นวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ การขุดลอกต้องมีวิศวกรเฉพาะทาง ระบบนิเวศก็มีความเฉพาะจะทำอะไรในพื้นที่ธรรมชาติ ต้องรับฟังด้วยไม่ได้มองเฉพาะในมุมวิศวกรรมอย่างเดียว ถ้าสร้างผลกระทบ ถ้าไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อยและสร้างผลกระทบจะเสียหายร้ายแรงและถาวร

หน่วยงานรัฐที่ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือประชาพิจารณ์ ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่ศึกษาเพื่อให้โครงการผ่านมา เหมือนมีธงว่า จะทำอะไรก็แล้วแต่ หรือประชาพิจารณ์ที่ทำแบบลวกๆ หรือทำเพราะกฎหมายสั่งให้ทำและไม่ได้ทำเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจริง ๆ ในการทำทุกอย่างให้กับสังคมหรือประชาชน

ผมว่าน่าจะหมดยุคแบบนั้นแล้ว ทุกอย่างควรโปร่งใสและมีส่วนร่วมจริง ๆ ต้องปรึกษานักนิเวศ ให้เข้ามาให้ข้อมูล ความเห็นอย่างจริงจัง และรับฟังด้วย

เพราะระบบนิเวศหลายอย่างไม่สามารถกลับคืนได้ และมีคุณค่ามหาศาล ซึ่งอาจสร้างผลกระทบมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ ซึ่งกรมชลประทานผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ฟังเสียง “เวียงหนองหล่ม” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นของการพัฒนาโครงการต่าง ๆ นพ.รังสฤษฏ์ กล่าว


รายงาน : โกวิท บุญธรรม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

อ่านข่าว : อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น "รากาซา" มุ่งหน้าเกาะฮ่องกง

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" ถล่มฟิลิปปินส์ - จีนอพยพ 400,000 คนในเซินเจิ้น

น้ำป่าหลาก แม่ริม จ.เชียงใหม่ กู้ภัยลุยช่วยประชาชนติดในบ้าน 5 คน