ในแต่ละปี ธนาคารแห่งประเทศไทย จะประกาศข้อมูลธุรกรรมชำระเงินตราระหว่างคนไทยกับต่างชาติ ในดุลบัญชีชำระเงิน ตามรอบปกติ 2 ครั้ง ได้แก่ รอบเดือน มี.ค. และเดือน ก.ย. ในรายงานดังกล่าว จะมีการสรุปธุรกรรมที่ยังไม่ทราบที่มาซึ่งถือเป็นข้อมูลความคาดเคลื่อนเชิงสถิติ Net Errors and Omissions (NEO)

น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะโฆษกแบงก์ชาติ กล่าวว่า การเกินดุลบัญชีการลงทุนทางตรงและการยืดหนี้สินเชื่อการค้าเพิ่มขึ้นส่งผลให้ธุรกรรมที่ไม่ทราบที่มา (NEO) ลดลงจาก 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 5.5 แสนล้านบาท เหลือ 7.3 พันล้านดอลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท

น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะโฆษกแบงก์ชาติ
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะโฆษกแบงก์ชาติ
โฆษกแบงก์ชาติ ยังชี้แจงอีกว่า สัดส่วนธุรกรรมที่ไม่ทราบที่มาของไทย อยู่ที่ร้อยละ 1 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ของกลุ่มประเทศเอเชียรายได้ปานกลาง และทั่วโลก

พร้อมย้ำว่า ยอดเงินที่ยังไม่ทราบที่มาไม่ใช่ต้นเหตุทำให้ค่าเงินบาทแข็งและไม่ใช่เงินจากธุรกิจสีเทาทั้งหมด แต่เป็นธุรกรรม ที่รอธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลจากกรมศุลากร สถาบันการเงิน เป็นต้น

พร้อมยอมรับว่า แบงก์ชาติ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า มีเงินทุนสีเทาในจำนวนนี้มากน้อยแค่ไหน จึงกำลังรวบรวมข้อมูล สำหรับหารือในคณะทำงานฯ เพื่อพิจารณาปัญหาข้อจำกัดกฎหมายและอำนาจะหว่างหน่วยงาน ก่อนทบทวนหลักเกณฑ์ เพื่อปิดช่องว่างสกัดทุนเทาต่อไป

อ่านข่าว : "ธุรกิจไทย" ขึ้นบัญชี ร้าง 9,343 ราย พณ.เตรียมขีดชื่อออก ป้องมิจฉาชีพหาผลประโยชน์
สรุปราคาทองคำ 22 ก.ย.2568 ปิดตลาดวันนี้ บวก 550 บาท ผันผวน 10 ครั้ง
ราคา“ทองคำ” บวก 550 บาท “ทองแท่ง” ทะลุบาทละ 56,450