ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2559 เวลาประมาณ 05.00 น. ถนนกว้าง 5 เลนบริเวณหน้าสถานีฮากาตะ เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นย่านธุรกิจคึกคัก เกิดทรุดตัวกะทันหัน สร้างหลุมยักษ์ขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 27 เมตร และลึก 15 เมตร ราวกับปากปล่องภูเขาไฟโผล่กลางเมือง เสาไฟฟ้า สัญญาณไฟจราจร และท่อน้ำเสียถูกกลืนหายไปในพริบตา ส่งผลให้ไฟดับ น้ำประปาขาดแคลน และสัญญาณโทรศัพท์ขัดข้องในพื้นที่ใกล้เคียง โชคดีเรื่องเดียวที่เกิดขึ้น ณ ห้วงเวลานั้นคือ เหตุเกิดก่อนชั่วโมงเร่งด่วน จึงไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สาเหตุมาจากงานขุดอุโมงค์รถไฟใต้ดินเส้นใหม่ จึงทำให้ดินด้านบนไม่แน่น ท่อน้ำเสียแตก และน้ำไหลทะลักจนกัดเซาะพื้นดินเพิ่ม เจ้าหน้าที่เมืองฟุกุโอกะต้องประกาศอพยพประชาชนรอบ ๆ บริเวณทันที และปิดกั้นพื้นที่ด้วยรั้วเหล็ก
ต่อมาทีมวิศวกรกว่า 200 คนเข้าพื้นที่ ลงมือซ่อมแซมโดยไม่รอช้า มีการประชุมกันในเวลา 10.00 น. จนสรุปใช้นโยบาย "ฟื้นฟูภายใน 1 สัปดาห์" จากนั้นเวลา 14.00 น. เริ่มทำการเติมหลุมด้วยดินที่มีความเสถียรในรูปแบบของเหลว (Liquefied stabilised soil) 6,200 ลูกบาศก์เมตร ซ่อมท่อน้ำเสียใหม่ ติดตั้งเสาไฟและสัญญาณจราจร ถือว่าเป็นการสั่งการหลังจากเวลาเกิดเหตุเพียง 5 ชั่วโมง
หลายสื่อรายงานว่างานเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง แต่ข้อเท็จจริงคือ ทีมงานได้ซ่อมแซมและเปิดให้ถนนใช้งานได้ตามปกติอีกครั้งภายหลังเกิดเหตุการณ์ไปแล้ว 1 สัปดาห์ คือวันที่ 15 พ.ย.2559 และการซ่อมแซมนั้น รวมถึงการซ่อมแซมท่อระบายน้ำ การเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร และเสาไฟฟ้าที่ถูกหลุมยุบกลืนลงไปด้วย

แผนปฏิบัติการที่ร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานสาธารณูปโภคหลายฝ่าย เช่น แก๊ส ไฟฟ้า ประปา ระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย และการสื่อสาร โดยมีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และ การตัดสินใจลงมือจัดการอย่างรวดเร็ว ทำให้การซ่อมแซมครั้งนี้ถือเป็นตำนาน เป็นแรงบันดาลใจและกรณีศึกษาให้โลกมองญี่ปุ่นเป็น "ต้นแบบการรับมือภัยพิบัติ"
นายกเทศมนตรีโซอิชิโระ ทาคาชิมะ เน้นย้ำว่า ความปลอดภัยต้องมาก่อน และได้กำชับให้พนักงานภาคสนาม กล้าที่จะบอกและเตือนผู้ปฏิบัติงานให้หยุดงานทันที หากพบสัญญาณผิดปกติใด ๆ นับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติการนี้แม้แต่คนเดียว
ไซตามะถนนทรุด สูญเสียคนขับรถวัย 74
ปัญหาเรื่องถนนทรุด ยังท้าทายญี่ปุ่นต่อเนื่อง ล่าสุดกรณี เมืองยาชิโอะ จ.ไซตามะ ในวันที่ 28 ม.ค.2568 ขณะที่รถบรรทุกขยะคันหนึ่งกำลังจอดรอที่สี่แยก ถนนเกิดทรุดตัวกะทันหัน กลืนรถทั้งคันลงหลุมกว้าง 10 เมตร ลึก 6 เมตร คนขับวัย 74 ปีติดอยู่ภายใน ซึ่งพบเป็นศพในเดือน พ.ค. เป็นเวลา 4 เดือนหลังเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยรีบเข้าช่วย แต่พื้นดินรอบหลุมเปราะบางมาก ต้องใช้เครื่องจักรหนักค่อย ๆ ขุดหลุมรองรับเพื่อป้องกันการทรุดเพิ่ม เหตุการณ์นี้ไม่ได้ใช้เวลาสั้น ๆ เหมือนเหตุการณ์ที่ฟุกุโอกะ The Asahi Shimbun ระบุว่าเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นการค้นหาผู้สูญหาย ควบคู่ไปกับการซ่อมบำรุงพื้นที่
2 วันหลังเกิดเหตุ หลุมขยายใหญ่ขึ้นอีกจากหลุมย่อยที่เชื่อมกัน สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวบ้าน 1.2 ล้านคนในพื้นที่ ต้นตอของปัญหา คือ ท่อน้ำเสียท่อใหญ่ที่ติดตั้งตั้งแต่ปี 2526 กร่อนจากการถูกกรดซัลฟูริกในน้ำเสียทำลายจนเป็นรูรั่ว และดินก็ไหลทะลัก
หลังสิ้นสุดเหตุการณ์นี้สิ้นเดือน เม.ย. รัฐบาลญี่ปุ่นมีคำสั่งตรวจสอบท่อคล้าย ๆ กันทั่วประเทศทันที และพบความผิดปกติ 3 จุดใน จ.ไซตามะ และเร่งซ่อมแซม เหตุการณ์นี้จุดประกายให้กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานออกกฎใหม่ ให้ตรวจสอบท่อน้ำเสียทุก 5 ปี และเพิ่มงบประมาณซ่อมแซมโครงสร้างเก่า

ข้อมูลสถิติจาก กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว เผยว่า ญี่ปุ่นมีถนนทรุดกว่า 10,000 ครั้ง/ปี โดยร้อยละ 10 เกิดจากท่อน้ำเสีย ร้อยละ 40 เกิดจากท่อเสียหาย และในเมืองใหญ่สัดส่วนสูงถึง 2,700 ครั้ง บนทางหลวงพบหลุมทรุด 1,100 แห่งในรอบ 10 ปี วิธีการรับมือคือ ชาวญี่ปุ่นมีระบบเตือนภัยล่วงหน้า ที่ใช้เรดาร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของดิน รวมถึงการฝึกอบรมประชาชนอพยพอย่างเป็นระบบ ทำให้ความสูญเสียชีวิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกมาก
บทเรียนถนนทรุด ภัยพิบัติเมืองใหญ่ที่เกิดซ้ำซาก
เหตุการณ์ในฟุกุโอกะ หรือ ที่ไซตามะ ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกเผชิญกับภัยถนนทรุดตัวในเมืองใหญ่ และในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ยังมีเคสที่น่าจดจำอีกหลายกรณี
ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2563 เกิดหลุมขนาดใหญ่กลางถนนในเขตชานเมือง ขณะที่รถบัสกำลังรับผู้โดยสาร สาเหตุหลักมาจากการขุดเจาะใต้ดินสำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำให้ดินหลวมและยุบตัวลง มีผู้เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บอีก 16 คน กรณีนี้กลายเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลจีนเร่งเสริมสร้างมาตรฐานการขุดเจาะในพื้นที่ประชากรหนาแน่น
ข้ามมหาสมุทรไปยังเม็กซิโก ที่เมืองปูเอบลา เมื่อปลายเดือน พ.ค.2564 หลุมยักษ์ขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลปรากฏขึ้นที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซานตา มาเรีย ซาคาเตเพค สาเหตุเกิดจากการสูบน้ำบาดาลมากเกินไปทำให้ชั้นหินปูนละลายและยุบตัว หลุมเริ่มจากขนาดเล็กและขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลืนกินที่ดินนับร้อยตารางเมตร เคสนี้นำไปสู่กฎใหม่ในการสูบน้ำในพื้นที่เกษตรกรรม และเคสนี้แสดงให้เห็นว่าภัยพิบัติไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้าง แต่ยังเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม

ที่มาข้อมูล : The Guardian, Nippon.com, BBC, AP, CNN
อ่านข่าวอื่น :
เปิดไทม์ไลน์ “ถนนทรุดตัว" กลายเป็นหลุมยักษ์ หน้า รพ.วชิรพยาบาล