ทส.ยันถนนสามเสนทรุดตัวจากการก่อสร้าง ไม่เกี่ยวปัจจัยธรณีวิทยา

ปลัด ทส.และผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี ลงพื้นที่ถนนทรุดตัวหน้า รพ.วชิรพยาบาล ชี้สาเหตุจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ดินไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์จนด้านบนทรุดตัว ไม่เกี่ยวข้องปัจจัยทางธรณีวิทยา

วันนี้ (24 ก.ย.2568) เวลา 09.30 น. น.ส.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ภายหลังเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 07.13 น.

หลุมยุบดังกล่าว มีลักษณะเป็นแนวการยุบตัวไปตามแนวถนน และต่อมาเมื่อเวลา 07.45 น. แนวการยุบตัวได้ขยายเป็นวงกว้างขึ้นตามแนวถนน ส่งผลให้เสาไฟฟ้าและรถยนต์บางส่วนตกลงไปในหลุมยุบดังกล่าว

น.ส.ชญานันท์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณี เมื่อเวลา 08.45 น. พบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพธรณีวิทยาเดิมเป็นชั้นดินเหนียว (Bangkok Clay) หนาประมาณ 25 เมตร และถูกปิดทับด้วยชั้นดินถมที่เป็นฐานรากของการสร้างถนน โดยการถล่มของชั้นดินมีขอบเขตของการถล่มจำกัดตามแนวถนนเท่านั้น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางธรณีวิทยาแต่อย่างใด เนื่องจากการยุบตัวมีลักษณะเป็นบล็อก แต่โดยธรรมชาติ การยุบตัวจะเกิดในลักษณะเป็นรูปวงกลม

นายสุวภาคย์ อิ่มสมุทร รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และนายศักดา ขุนดี รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี พบว่า จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณพื้นที่กำลังก่อสร้างในส่วนอุโมงค์เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยอุโมงค์มี 2 ชั้น ชั้นบนลึก 15 เมตร และชั้นล่างลึก 30 เมตร สาเหตุเกิดจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนทรุดตัว

ประกอบกับท่อประปาขนาดใหญ่ 1.5 เมตร ของการประปานครหลวงที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเกิดการแตกหัก อันเนื่องมาจากการทรุดตัวของชั้นดิน ส่งผลให้มีน้ำเข้าไปชะล้างดินในพื้นที่กำลังก่อสร้างและทำให้เกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง

ทั้งนี้ แนะนำให้กันเขตรอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างน้อย 100 เมตร ตามแนวการทรุดตัว ติดป้ายประกาศแจ้งเตือนในระยะที่มองเห็นในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร หากพบว่ารอยแยก รอยแตกขยายตัวหรือมีดินทรุดตัวเพิ่มเติมควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที, ควรตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น กำแพง พื้น หรือฐานราก หากพบความเสียหายควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที