วันนี้ (26 ก.ย.2568) ช่วงนี้มิจฉาชีพมุ่งหลอกลวงผู้สูงอายุมากขึ้น ที่บุรีรัมย์ ยายวัย 75 ปี ถูกหลอกนำที่ดินมรดกกว่า 25 ไร่ไปทำสัญญาขายฝาก มูลค่ากว่า 7,000,000 บาท โดยไม่ได้รับเงิน ขณะที่ชลบุรี ตาวัย 79 ปี เกือบสูญเงินเพิ่มอีก 3,000,000 บาทให้แก๊งคอลเซนเตอร์ หลังถูกหลอกโอนไปแล้วกว่า 4,000,000 แต่โชคดีธนาคารและตำรวจช่วยไว้ทัน
ที่ชลบุรี ตำรวจ สภ.บ้านบึง เจรจาพูดคุยกับผู้สูงอายุวัย 79 ปี ภายในธนาคาร หลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินไปแล้วกว่า 4,000,000 บาท และกำลังจะถอนเงินเพิ่มอีก 3,000,000 บาท เพื่อโอนต่อ แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารสงสัยพฤติกรรม จึงรีบประสานตำรวจเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือทันเวลา
พ.ต.ท.เอกชัย ภาควัตร รองผู้กำกับการ สภ.บ้านบึง อธิบายว่า กลโกงของแก๊งคอลเซนเตอร์ มักเริ่มด้วยการโทรแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ ใช้ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นกล่าวหาว่าพัวพันคดีร้ายแรง เช่น ฟอกเงิน หรือมีหมายจับ ใช้การข่มขู่สร้างความกลัว ควบคู่กับการพูดจาหว่านล้อมให้เชื่อว่า ต้องโอนเงินมาตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหา
เมื่อเหยื่อคล้อยตาม แก๊งจะให้ติดต่อผ่านแอปอย่างไลน์ เพื่อควบคุมความคิด ไม่ให้พูดคุยกับคนอื่น สั่งให้ถือโทรศัพท์ติดตัวตลอด ห้ามวางสาย และโน้มน้าวจนยอมไปเบิกเงินโอนเข้าบัญชีม้า
ตำรวจไม่มีนโยบายโทรแจ้งข้อกล่าวหาหรือให้โอนเงินมาตรวจสอบเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเล่ห์เหลี่ยมที่อาศัยความไม่รู้และความตกใจของผู้สูงอายุ ทำให้หลงเชื่อและสูญเงินจำนวนมาก
ญาติผู้เสียหายบอกว่า ที่ผ่านมาเตือนยังไงก็ไม่ฟัง เพราะเชื่อเสียงปลายสาย จนเกือบสูญเงินเพิ่มอีก 3,000,000 บาท โชคดีที่ธนาคารและตำรวจช่วยเหลือทัน
ครอบครัวบุรีรัมย์ร้องสื่อถูกหลอกเซ็นขายฝากที่ดิน
ส่วนที่บุรีรัมย์ ยายอายุ 75 ปี ตาอายุ 71 ปี และลูกชาย นำเอกสารโฉนดที่ดินและสัญญาขายฝากหลายแปลง รวมกว่า 25 ไร่ มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน
ผู้เสียหายเล่าว่า ถูกกลุ่มนายหน้า 5 คน ชายหญิง เข้ามาตีสนิทหลอกว่าจะช่วยขายที่ดินบางส่วนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้และแบ่งให้ลูก แต่กลับพาไปเซ็นเอกสารที่สำนักงานที่ดินโดยไม่ให้ญาติไปด้วย สุดท้ายกลายเป็นสัญญาขายฝากกับนายทุนรายหนึ่ง มูลค่ากว่า 7,000,000 บาท
ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินตามตกลง มีเพียงเงินเล็กน้อยที่นำมาให้ครอบครัวบางส่วน เมื่อรู้ความจริง ครอบครัวเชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการหลอกลวงอาศัยความไว้ใจและความไม่รู้หนังสือของผู้สูงอายุ จึงนำหลักฐานแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดี พร้อมวอนหน่วยงานและนักกฎหมายช่วยเหลือ เพราะเกรงว่าจะสูญเสียที่ดินมรดกทั้งหมด ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของครอบครัว
อ่านข่าวอื่น :
"อนุทิน" ไฟเขียวกองทัพใช้ดุลยพินิจเต็มที่หากสถานการณ์ชายแดนรุนแรง
"สีหศักดิ์" เตรียมชี้แจง UNเรียกร้องสันติภาพชายแดนไทย-กัมพูชา