วันนี้ ( 29 ก.ย.2568) กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.24 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.76-32.27 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการสดใสเกินคาด

ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯเติบโตในอัตรา 3.8% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนจากการรายงานครั้งก่อนที่ 3.3% ท่ามกลางแรงขับเคลื่อนของการใช้จ่ายภาคบริการและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในภาพรวมอาจประคองตัวได้นานกว่าที่นักลงทุนเคยคาดไว้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,350 ล้านบาท และ 10,391 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางสหรัฐฯนำโดย ดัชนี ISM ภาคบริการและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะอัตราแลกเปลี่ยนและผลตอบแทนพันธบัตรจะอ่อนไหวมากเป็นพิเศษต่อตัวเลขจ้างงาน โดยหากข้อมูลตลาดแรงงานออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ ค่าเงินดอลลาร์จะฟื้นตัวต่อเนื่องได้อีกสักระยะหนึ่ง

เนื่องจากตลาดจะปรับมุมมองเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าอาจไม่รุนแรงเท่าที่เคยประเมินไว้ ทั้งนี้ ราคาตลาดปัจจุบันสะท้อนว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 40bp ในปี 68 และราว 98bp ก่อนสิ้นปี 69 โดยเป็นการคาดการณ์ที่เบาลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามยังคงประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกสองครั้งในปีนี้ ขณะที่การเติบโตของ AI ซึ่งเพิ่มแรงสนับสนุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจกระทบการจ้างงานในระยะยาว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนจะเปิดทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขึ้นดอกเบี้ยได้ในไตรมาส 4/68
ขณะที่ Fitch Ratings ลดมุมมอง (Outlook) อันดับเครดิตของไทยจาก เสถียรภาพ เป็น เชิงลบ โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านการคลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ แต่อันดับที่ BBB+ ยังสะท้อนความสามารถที่แข็งแกร่งในการชำระหนี้ภาครัฐ ทางด้านก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนสิงหาคมเติบโต 5.8% y-o-y ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งปี หลังจากเร่งส่งออกก่อนหน้านี้

ด้านศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์การส่งออกเดือน ส.ค. 2568 ขยายตัว 5.8%YoY คาดส่งออกแผ่วลง โดยโมเมนตัมของการเร่งส่งออกเแผ่วลงชัดเจนขึ้น สะท้อนจากการส่งออกเดือน ส.ค. ที่หดตัว 2.9%MoM ติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน สอดคล้องกับบรรดาชาติเอเชียที่ต่างพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ซึ่งจะเผชิญกับการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวที่ลดลง ขณะที่สหรัฐฯ มีแนวโน้ม reallocate แหล่งนำเข้าสู่ประเทศที่ภาษีต่ำ นอกจากนี้ ผู้ส่งออกยังประสบปัญหาการแย่งตลาดทดแทนสหรัฐฯ รวมถึงอุปสงค์ในตลาดโลกที่แผ่วลงตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยส่งออกไทยจะโดนกดดันจากการ Reallocate แหล่งนำเข้าของสหรัฐฯ สู่ประเทศที่ภาษีต่ำกว่า ท่ามกลางความเสี่ยงหลายด้าน โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอาจเกิดปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าของสหรัฐฯ สู่ชาติที่อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ต่ำกว่าอาเซียน เช่น สหราชอาณาจักร (10%) เช่น การนำเข้าสหรัฐฯ จากสหราชอาณาจักร เดือน ก.ค. ที่ขยายตัว 7.2%MoM เติบโตต่อเนื่อง 2 เดือน
ทั้งนี้ ยังมีความเสี่ยงทั้งจาก Sectoral Tariff เพิ่มเติม เกณฑ์ Transshipment Tariff ยังไม่ชัดเจน ท่ามกลางการแย่งตลาดทดแทนสหรัฐฯ ของผู้ส่งออก รวมถึงอุปสงค์ตลาดโลก ที่แผ่วลงตามการชะลอของเศรษฐกิจโลก
อ่านข่าว:
“ไทย”ยังเนื้อหอม 8 เดือน ต่างชาติลงทุน 2.26แสนล้าน
คลัง อัพเดทแก้หนี้นอกระบบ ช่วยเหลือแล้วกว่า 9 หมื่นราย วงเงิน2.7 พันล้าน
“ชาไทย” จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก โอกาสใหม่เศรษฐกิจสร้างสรรค์