พงศธัช สุขพงษ์ บรรณาธิการ Thai PBS World จากสำนักข่าว ไทยพีบีเอส ตัวแทนสื่อไทยเพียงคนเดียวในสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 80 (UNGA80) สัมภาษณ์พิเศษ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ผู้แทนไทย เผยต้องปรับถ้อยแถลงอย่างเร่งด่วนเพื่อตอบโต้กัมพูชาที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องปัญหาชายแดน พยายามยกระดับสู่เวทีโลก ไทยยืนกรานว่าปัญหาต้องแก้ด้วยการเจรจาทวิภาคีอย่างจริงใจ พร้อมขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศในประเด็นเมียนมาร์และฟื้นฟูระบบพหุภาคีให้เข้มแข็ง
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2568 การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ครั้งที่ 80 ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ กลายเป็นเวทีที่ประเทศไทยแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นทั้งในเรื่องอธิปไตย สันติภาพ และบทบาทของพหุภาคี รมว.ต่างประเทศไทย ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงที่เปี่ยมด้วยพลัง เน้นย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งผลักดันให้สหประชาชาติมีบทบาทเข้มแข็งในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
ปมร้อน ไทย-กัมพูชา ปกป้องอธิปไตย เรียกร้องความจริง
หนึ่งในไฮไลต์ของการประชุมคือการตอบโต้ข้อกล่าวหาจากกัมพูชา นายสีหศักดิ์ ระบุว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียวและบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าไทยเป็นผู้เริ่มต้นความขัดแย้งบริเวณชายแดน รมว.ต่างประเทศของไทยย้ำว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบตัวจริงคือประชาชนและทหารไทยที่ต้องเผชิญกับทุ่นระเบิด รวมถึงเด็กนักเรียนและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง เช่น กรณีโรงเรียนและร้านสะดวกซื้อถูกโจมตี
เราต้องเขียนสปีชใหม่เพื่อปกป้องความจริงและอธิปไตยของชาติ
รัฐมนตรีกล่าว พร้อมชี้ว่าไทยต้องการมองไปข้างหน้า เน้นการเจรจาและสร้างความไว้ใจ แต่กัมพูชากลับพยายามทำให้ปัญหาทวิภาคีกลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศ
กรณี "หมู่บ้านหนองจาน" ถูกหยิบยกเป็นตัวอย่าง โดยไทยชี้แจงว่าเหตุการณ์นี้มีที่มาจากสงครามกลางเมืองในกัมพูชา ซึ่งไทยเปิดชายแดนด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเพื่อให้ผู้อพยพหลบภัย แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ไทยขอให้กลุ่มผู้อพยพย้ายกลับแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ไทยยังคงยืนยันความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี โดยเคยช่วยสร้างโรงเรียน ถนน และโรงพยาบาลในกัมพูชา เพราะไทยต้องการสันติภาพและความปลอดภัยที่ชายแดน พร้อมตั้งคำถามว่าทั้ง 2 ชาติจะเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพหรือความขัดแย้งที่นำมาซึ่งความสูญเสีย
ไทยยังย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดยอ้างถึงการประชุมที่มาเลเซียและคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง การกวาดล้างทุ่นระเบิด และการถอนอาวุธหนักเพื่อลดความรุนแรง รวมถึงการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รัฐมนตรีเน้นว่าเป้าหมายคือความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยที่ชายแดน โดยทุกฝ่ายต้องแสดงความจริงใจและลงมือทำตามข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรม
ไทยในเวทีโลก พหุภาคีและความท้าทาย
นอกเหนือจากประเด็นชายแดน ไทยยังใช้เวที UNGA 80 เรียกร้องให้ระบบพหุภาคีเข้มแข็งขึ้น ท่ามกลางความท้าทายจากความขัดแย้งในยูเครน กาซา และเมียนมา รวมถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการย้ายถิ่นฐาน นายสีหศักดิ์ชี้ว่าโลกกำลังเผชิญกับความไร้ระเบียบ เนื่องจากบางประเทศละเลยกติการะหว่างประเทศและความร่วมมือ
ไม่มีชาติใดอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง
รัฐมนตรีย้ำ พร้อมเรียกร้องให้ทุกชาติ โดยเฉพาะมหาอำนาจ เคารพกติกาและสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติ
ในการประชุมครั้งนี้ ไทยยังมีการหารือทวิภาคีที่น่าสนใจ เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งไทยมองว่าสามารถยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ รวมถึงหารือเรื่องทุ่นระเบิดในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประธานอนุสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด การหารือกับรัสเซียเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยรัสเซียระบุว่ามีนักท่องเที่ยวมาไทยปีละ 1,700,000 คน และต้องการเพิ่มจำนวนนี้
นอกจากนี้ ไทยยังหารือกับผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติเรื่องเมียนมา เพื่อผลักดันสันติภาพและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงสามารถทำงานได้เพื่อลดภาระ ในประเด็นนี้ ไทยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าสันติภาพที่ยั่งยืนต้องมาจากการเจรจาและปรองดองระหว่างทุกฝ่าย การเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมาวางแผนไว้ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะไม่สำเร็จหากขาดการมีส่วนร่วมจากทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์และฝ่ายต่อต้านอย่าง NLD ของนางอองซานซูจี ไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดเมียนมาและสมาชิกอาเซียน ยืนยันบทบาทนำในการผลักดันสันติภาพในภูมิภาค ร่วมกับจีนและอินเดีย
รัฐบาล 4 เดือนใช้ทุกโอกาสขับเคลื่อนประเทศ
แม้รัฐบาลชุดนี้จะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่าจะใช้ทุกโอกาสขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีบทบาทเด่นชัดบนเวทีโลก ด้วยการผสานนโยบายการทูตและความมั่นคงให้เป็นหนึ่งเดียว
เราจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน
รัฐมนตรีกล่าว พร้อมย้ำว่านโยบายต่างประเทศต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก สร้างความปลอดภัย ความสงบ และโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาและลาว เพื่อส่งเสริมการค้าและการไปมาหาสู่
ท่ามกลางความผันผวนด้านภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ นายสีหศักดิ์มองว่าความมั่นคงภายในและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งคือกุญแจสำคัญในการนำไทยกลับสู่เวทีโลก การส่งเสริมเศรษฐกิจรากหญ้าและวางรากฐานระยะยาว เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพอย่างไบโอเทคและการแพทย์ จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
เราต้องการใช้ 4 เดือนนี้ให้มีความหมาย แก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวางรากฐานอนาคต
รัฐมนตรีทิ้งท้าย
อ่านข่าวอื่น :
เปิดประวัติ "ทูตสีหศักดิ์" ผู้พลิกเกมเวทีโลกดึงไทยกลับสู่ "จอเรดาร์"