วันนี้ (2 ต.ค.2568) Jane Goodall Institute เปิดเผยว่า ดร.เจน กู๊ดดอลล์ ผู้ก่อตั้งวัย 91 ปี เสียชีวิตอย่างสงบในลอสแอนเจลิส ขณะทัวร์บรรยายในสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันที่ 1 ต.ค.2568 ตามเวลาสหรัฐฯ
กู๊ดดอลล์ มีชื่อเต็ม วาเลรี เจน มอร์ริส-กู๊ดดอลล์ เกิดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2477 ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นลูกสาวคนโตของมอร์ติเมอร์ เฮอร์เบิร์ต มอร์ริส-กู๊ดดอลล์ นักธุรกิจและนักแข่งรถ และมาร์กาเร็ต มายฟานเว โจเซฟ นักเขียน ตั้งแต่เด็ก เจนหลงใหลในสัตว์ป่า เธออ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติจนหมดเล่ม และฝันอยากไปแอฟริกาเพื่อศึกษาสัตว์และเขียนหนังสือเกี่ยวกับพวกมัน
หลังจากทำงานเสิร์ฟเพื่อเก็บเงิน เธอเดินทางด้วยเรือไปเคนยา และได้พบหลุยส์ ลีกี นักบรรพชีวินวิทยาชื่อดังที่จ้างเธอเป็นเลขานุการในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไนโรบี สิ่งนี้เปิดโอกาสให้เธอร่วมงานกับหลุยส์และแมรี ลีกี ที่โอลดูไรวี กอร์จ เพื่อค้นหาฟอสซิล
ผลงานของ ดร.เจน กู๊ดดอลล์ เปลี่ยนแปลงวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์อย่างถาวร ในปี พ.ศ.2503 เธอเริ่มศึกษาชิมแปนซีป่าในอุทยานแห่งชาติกอมเบ แทนซาเนีย ซึ่งเป็นการศึกษายาวนานที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน ที่นั่น ดร.กู๊ดดอลล์ ค้นพบครั้งสำคัญว่าชิมแปนซีใช้เครื่องมือ เช่น ใบไม้ทำเหมือนเบ็ดล่อปลา และพวกมันล่าสัตว์กินเนื้อ ซึ่งท้าทายความเชื่อเดิมว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ การค้นพบเหล่านี้ทำให้มีการกำหนดนิยามใหม่ว่า "มนุษย์คืออะไร"
ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากหลุยส์ ลีกี ช่วยให้เธอศึกษาปริญญาเอกด้านพฤติกรรมสัตว์ที่คอลเลจนิวแฮม แคมบริดจ์ แม้ไม่มีวุฒิปริญญาตรี เธอสำเร็จวิทยานิพนธ์เรื่องพฤติกรรมชิมแปนซีในเขตรักษาพันธุ์กอมเบ สตรีม ในปี พ.ศ.2508 การศึกษานี้ขยายจาก 3 เดือนเป็นหลายทศวรรษ และยังดำเนินต่อเนื่องวันนี้

ที่มา : Jane Goodall Institute
ที่มา : Jane Goodall Institute
เจนก่อตั้งสถาบันเจน กู๊ดดอลล์ ในปี พ.ศ.2520 เพื่อสนับสนุนงานวิจัยที่กอมเบ ปัจจุบันมีสำนักงาน 25 แห่งทั่วโลก ดำเนินโครงการอนุรักษ์ที่เน้นชุมชน เช่น ทาแคร (Tacare) ที่ช่วยชุมชนรอบถิ่นที่อยู่ชิมแปนซีมากว่า 40 ปี เธอขยายโครงการไปยังสิทธิมนุษย์ สวัสดิภาพสัตว์ การปกป้องสายพันธุ์ และสิ่งแวดล้อม
ในปี พ.ศ.2534 เธอเริ่ม Roots & Shoots โครงการเยาวชนด้านมนุษยธรรมและสิ่งแวดล้อม จากกลุ่มนักเรียนมัธยม 12 คนในดาร์เอสซาลาม กลายเป็นเครือข่ายใน 75 ประเทศ สมาชิกเยาวชนทุกวัยได้ลงมือทำโครงการเพื่อสัตว์ สิ่งแวดล้อม และชุมชนท้องถิ่น เจนเชื่อว่าเยาวชนคือความหวัง และโครงการนี้จุดประกายให้พวกเขาสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
พ.ศ.2560 เจนก่อตั้งมูลนิธิเจน กู๊ดดอลล์ เลกาซี เพื่อรักษาเสถียรภาพของโครงการหลักที่เธอสร้างขึ้น ตลอดชีวิต เธอเขียนหนังสือกว่า 27 เล่ม สำหรับผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึง "หนังสือแห่งความหวัง: คู่มือรอดพ้นในยามวิกฤต" ที่แปลกว่า 20 ภาษา เจนเดินทาง 300 วันต่อปีเพื่อบรรยายและสร้างแรงบันดาลใจ เธอสอนว่า
ทุกคนสร้างความต่างได้ทุกวัน ขึ้นอยู่กับเรา ว่าจะสร้างแบบไหน
รางวัลของเจนสะท้อนถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในปี พ.ศ.2545 เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันติภาพแห่งสหประชาชาติ, 2 ปีต่อมา เป็น Dame Commander of the Most Excellent Order of the British Empire (DBE) ที่พระราชวังบักกิงแฮม, ได้รับเหรียญเสรีภาพ ปธน.สหรัฐฯ, เหรียญกิตติมศักดิ์ฝรั่งเศส เลเจียน ดอนเนอร์, เหรียญเบนจามิน แฟรงคลิน สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, รางวัลเกียวโตของญี่ปุ่น, รางวัลกันดิ-คิง สาขาสันติวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง, เหรียญแห่งตานซาเนีย และ ไทเลอร์ ไพรส์ สาขาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และองค์กรการกุศลทั่วโลก
การจากไปของเจนได้รับคำสรรเสริญมากมาย สหประชาชาติกล่าวไว้อาลัยว่าเธอ "ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อดาวเคราะห์และทุกชีวิต ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ให้มนุษยชาติและธรรมชาติ" กรีนพีซกว่าวว่า "ใจสลาย" และยกย่องเธอว่า "ยักษ์ใหญ่แห่งการอนุรักษ์ตัวจริง" วิล แมคคัลลัม ผู้อำนวยการร่วมกรีนพีซสหราชอาณาจักร กล่าวว่า "มรดกของดร.กู๊ดดอลล์ไม่ใช่แค่ในวิทยาศาสตร์ แต่เป็นขบวนการโลกที่เธอจุดประกายเพื่อปกป้องธรรมชาติและให้ความหวัง" นักธรรมชาติจอว์ส แพคแฮม บอกบีบีซีว่าเธอเป็นวีรบุรุษของเขา "ปฏิวัติและน่าทึ่ง" และ "การสูญเสียวีรบุรุษในยามที่เราต้องการพวกเขาบนแนวหน้าเพื่อต่อสู้เพื่อชีวิตบนโลก เป็นโศกนาฏกรรม"

ที่มา : Jane Goodall Institute
ที่มา : Jane Goodall Institute
มรดก 3 บทเรียนสำคัญเชิงธุรกิจ
ประการแรก คือ ให้มีความเห็นอกเห็นใจก่อนเสมอ เธอตั้งชื่อชิมแปนซีแทนการใช้ตัวเลข เพื่อยอมรับว่าพวกมันมีอารมณ์และความสัมพันธ์ ในเชิงธุรกิจ ผู้นำควรเห็นพนักงาน ลูกค้า และพันธมิตรเป็นมนุษย์ที่มีความซับซ้อน ไม่ใช่ตัวเลข การฟังมากกว่าวัดผล สร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ และตอบสนองด้วยมนุษยธรรมต่อความเครียด ความล้มเหลว และความไม่เท่าเทียม จะจุดประกายความภักดี ความคิดสร้างสรรค์ และความยืดหยุ่นผ่านความไว้วางใจ
ประการที่สอง คือ ความอดทนและคิดระยะยาว การวิจัยของเจนกินเวลาหลายทศวรรษ ด้วยการสังเกตอย่างละเอียดและสร้างความสัมพันธ์โดยไม่รีบร้อน ในยุคที่รายงานรายไตรมาสและ KPI กดดัน ผู้นำควรหลีกเลี่ยงทางลัดและให้เวลากับตัวแปรช้า ๆ ก่อนตัดสินใจ การลงทุนเวลาเช่นนี้จะปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนเร้นของผู้คน และนำไปสู่โซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับปัญหาซับซ้อน
ประการที่สาม คือ ความถ่อมตน เจนมองตัวเองเป็นนักเรียนเสมอ ในธุรกิจ ข้อมูลสำหรับนวัตกรรม อาจมาจากพนักงานแนวหน้า ลูกจ้างรุ่นใหม่ หรือลูกค้าที่ถูกละเลย ผู้นำที่ถ่อมตนจะเชิญชวนความเห็นต่าง ถามคำถามยาก ๆ และยอมรับฟังความเห็นจากผู้อื่น เพื่อปลดล็อกเส้นทางใหม่สำหรับการปรับตัวและเติบโต
ที่มาข้อมูล : Jane Goodall Institute, BBC
อ่านข่าวอื่น :
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก "พล.อ.จักรภพ ภูริเดช"
“แม่ทัพภาคที่ 2” คนใหม่ ชื่นชม “พล.ท.บุญสิน” บริหารให้เป็นหน่วยงานที่ดีที่สุดของ ทบ.