ชาวนาสุพรรณบุรีฝ่าฝืนมติ ครม. เร่งสูบน้ำเข้านา
เครื่องสูบน้ำกว่า 20 เครื่องบริเวณคลองสองขวา ด้านหน้า ต.บ้านสระ อ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงเดินเครื่องสูบน้ำเข้านาตามปกติ ซึ่งตลอดคลองสองขวาระยะทางเกือบ 50 กิโลเมตร จากการประเมินด้วยสายตาพบว่ามีเครื่องสูบน้ำไม่น้อยกว่า 100 เครื่อง แม้ว่าเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.2558) คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ชาวนาหยุดสูบน้ำเข้านาแล้ว เพื่อกักเก็บน้ำไว้อุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ชาวนาก็ขอสูบน้ำทำนาต่อเพราะยังไม่ได้น้ำเต็มพื้นที่
"ชาวนาลงทุนกันมาเยอะแล้ว ถ้ารัฐบาลจะให้ปล่อยน้ำไปให้คนกินคนใช้ แต่ห้าชาวนาวิดน้ำมันเป็นเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะชาวนาเกือบทั้งบางจะตายกันหมดแล้ว"
นายพหัส วงษ์สุวรรณ ชาวนา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ให้ความเห็น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างในพื้นที่ต้นคลองและพื้นที่ปลายคลองคือ ในพื้นที่ต้นคลองนั้นนาข้าวจะเขียวขจี แต่ในส่วนพื้นที่ปลายคลองอย่างพื้นที่ ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ กลับยืนต้นแห้งตายแม้ว่าจะออกรวงแล้วก็ตาม ชาวนากลุ่มหนึ่งบอกว่าไม่ได้ต้องการน้ำในการทำนาแล้ว เพราะว่าข้าวนั้นได้ยืนต้นตายหมด ขอเพียงแค่น้ำดิบในการนำมาทำน้ำประปาเท่านั้น
"ตอนนี้ข้าวตายหมดทั้งทุ่งแล้ว เอาน้ำมาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แต่เราต้องการน้ำกินน้ำใช้" โสภี สันติพิพัฒน์ สมาชิก อบต.ไร่รถ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี กล่าว
ในช่วงสายของวันนี้ (15 ก.ค.) เสียงตามสายของตำบลบ้านสระ อําเภอสามชุก ก็ได้ประกาศให้ชาวนาหยุดสูบน้ำในเวลา 18.00 น.ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่าน้ำต้นทุนที่เคยสูบเริ่มน้อยลงแล้ว และอาจจะไม่ถึงท้ายคลองด้วย ซึ่งชาวนาก็ยอมหยุดสูบน้ำและถอนเครื่องสูบน้ำกลับบ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารกองรักษาความสงบเรียบร้อย ทหารจังหวัดกาญจนบุรีพื้นที่รับผิดชอบในจังหวัดสุพรรณบุรียอมรับว่า ต้องออกตรวจพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำมากขึ้น เพราะน้ำที่ระบายเข้าคลองมีน้อยลงแต่ปริมาณการสูบน้ำกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน และได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาใช้น้ำอย่างประหยัดเพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดิบผลิตน้ำประปา ซึ่งชาวนาที่อยู่ท้ายน้ำก็เห็นด้วยกับมติของคณะรัฐมนตรี ที่จะประหยัดการใช้น้ำ เพื่อสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคเท่านั้น เพราะขณะนี้แหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการลิตน้ำประปาของหมู่บ้านก็แห้งขอดแล้ว