ประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ์ "คนละครึ่งพลัส" ต้องกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการบนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ระหว่างวันที่ 20 - 26 ต.ค.2568 โดยกระทรวงการคลังจำกัดสิทธิ์ผู้เข้าร่วมโครงการ 20 ล้านคน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยจากจำนวนผู้เคยเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ตลอด 5 เฟสที่ผ่านมา

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินโครงการคนละครึ่งรอบนี้ได้ให้ความสำคัญกับผู้อยู่ในระบบภาษี โดยให้วงเงินใช้จ่ายในโครงการสูงกว่าผู้อยู่นอกระบบ พร้อมทั้งปรับลดอายุผู้เข้าร่วมโครงการจาก 18 ปี เหลือ 16 ปีขึ้นไป หลักการ "คนละครึ่ง" คล้ายเดิม ประชาชนไปซื้อของ รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่ง จากเดิมวันละ 150 บาท แต่คนละครึ่งพลัส เพิ่มเป็น 200 บาท คือ รัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนมี 200 บาท

ส่วนผู้ประกอบการ ที่จะเข้าโครงการ "คนละครึ่งพลัส" จากเดิมจำกัดเฉพาะผู้ประกอบการบุคคลธรรมดา เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลขนาดย่อม หรือ ไมโคร เอสเอ็มอี พร้อมทั้งขยายประเภทกิจการครอบคลุมกลุ่มบริการเช่น ร้านทำผมและรถแทกซี่ แต่ไม่สามารถใช้ในร้านสะดวกซื้อ
ผู้ประกอบการในโครงการคนละครึ่งพลัส จะได้รับการฝึกอบรมทักษะการทำบัญชี และแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย โดยไม่สามารถยกเว้นภาษีผู้ประกอบการในโครงการ แต่การเข้าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งใน "อารีย์ สกอล์" ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ

กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 4 หมื่นบาท โดยจะเสนอ ครม.วันที่ 14 ตุลาคมนี้เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
คาดว่ามาตรการเติมเงิน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่งพลัส และมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ตลอดจนการเร่งรัดส่วนราชการ ใช้งบอบรมสัมมนา เร็วกว่ากำหนดเดิม น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 จากร้อยละ 0.3 เป็นร้อยละ 1

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า “คนละครึ่งพลัส” ว่า แม้โครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศได้ในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันประสิทธิภาพของโครงการเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ตัวนโยบายแต่อยู่ที่โครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ภาวะเงินหมุนเวียนชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินที่อัดฉีดผ่านโครงการไม่สามารถส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจได้เต็มที่
ดังนั้น ภาครัฐควรจำกัดวงเงินโครงการไม่ให้ขยายใหญ่เกินความจำเป็น เพราะอาจเกิดภาระงบประมาณโดยไม่คุ้มค่า ซึ่งมองวงเงินที่ใช้ในโครงการนี้ จากที่รัฐบาลประกาศมา ราว 4.4 หมื่นล้านบาท- 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้งบที่ค่อนข้างสูงมาก ดังนั้นจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ.
รวมทั้งต้องระมัดระวังการใช้สิทธิของประชาชนในโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาของ โครงการคนละครึ่ง ยุคแรกๆ พบว่ามีผู้ได้รับสิทธิแต่ไม่นำไปใช้จริงในสัดส่วนที่สูง หากเกิดกรณีเช่นนี้ต่อไป จะทำให้เงินที่จัดสรรไว้ไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และกลายเป็นการใช้งบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
อ่านข่าว : "เอกนิติ" เผย ครม.ยังไม่พิจารณา "โครงการคนละครึ่ง" วันนี้
นายกฯ ชี้ "คนละครึ่ง" ลงทะเบียนกลาง ต.ค.68 ยังไม่ชัดงบ 864 ล้านสร้างรั้วชายแดน
กางไทม์ไลน์ "คนละครึ่ง" เริ่มใช้สิทธิเมื่อไหร่ เช็กวิธีลงทะเบียน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: