วันนี้ (8 ต.ค.2568) ดร.อัจฉรา ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สบอ.12 (นครสวรรค์) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานวิชาการ และเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ อีก 4 นาย ได้เข้าติดตามพฤติกรรมเสือโคร่งในพื้นที่ตามกลุ่มพิกัดที่รับจากปลอกคอเสือโคร่งผ่านระบบดาวเทียม

ในพื้นที่ดังกล่าว พบเศษชิ้นส่วนกระดูกที่โดนทรายทับถม รวมถึงมีปลอกคอเส้นที่ใส่ให้เสือโคร่งอยู่ที่พื้นดิน นอกจากนี้ยังพบรอยหลุมกลมกลางร่องห้วย สันนิษฐานว่าเป็นการขุดเพื่อพรางแร้วแบบเหยียบ
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่วงก์-แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ซึ่งอยู่นอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แต่พื้นที่นี้มีร่องรอยสัตว์กีบ เช่น วัวแดง กวางป่า เข้ามาหากินเป็นประจำ

"อธิบดีกรมอุทยานฯ" สั่งขยายแนวลาดตระเวนนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขยายแนวลาดตระเวนเชิงคุณภาพด้วยระบบ Smart Patrol ออกไปยังพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่รอยต่อ (Buffer Zone) โดยเน้นการป้องปรามการลักลอบวางกับดักและล่าสัตว์ป่า รวมถึงสั่งให้มีการเคาะประตูบ้านเพื่อขอความร่วมมือจากชาวบ้านให้ช่วยกันเฝ้าระวังและห้ามวางกับดักสัตว์ป่า
ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ จะได้เพิ่มมาตรการป้องกันให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ เพื่อคุ้มครองสัตว์ป่าหายากให้ปลอดภัยในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ พร้อมเร่งดำเนินการสืบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด รวมถึงการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือจากชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงให้ช่วยเป็นหูเป็นตา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Thailand Tiger Project DNP บอกเล่าเรื่องราวของ “สรณ์สืบ” เสือโคร่งตัวผู้ในพื้นที่บริเวณตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ลูกของเสือโคร่งอภิญญา
ในช่วงแรกของการใช้ชีวิตวัยรุ่นของเสือสรณ์สืบนั้นวนเวียนล่าหากินอยู่ในพื้นที่ของพ่อแม่เป็นหลัก กระทั่งปลายปี 2567 มีเสือโคร่งวัยรุ่นตัวผู้พ่อเดียวกันกับสรณ์สืบผ่านเข้ากล้องในจุดที่เคยถ่ายสรณ์สืบได้ หลังจากนั้นสรณ์สืบก็ขยับไปใช้ชีวิตที่แนวขอบด้านนอกทิศตะวันออกของพื้นที่มีวัวแดงอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลภาพจากกล้องดักถ่ายจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ยืนยันว่าครั้งหนึ่งของเดือน ก.พ.2568 เสือโคร่งสรณ์สืบ เคยมีพฤติกรรมพเนจรออกนอกพื้นที่พ่อ
วันที่ 8 ก.ค.2568 กล้องดักถ่ายบันทึกภาพสรณ์สืบได้ในบริเวณที่ไม่ห่างจากจุดที่ล่าวัวแดงเป็นอาหารในป่าห้วยขาแข้ง หลังจากนั้นก็ไม่ผ่านจุดกล้องดักถ่ายใด ๆ ในพื้นที่เป้าหมายอีก เป็นไปได้ว่าเริ่มออกสัญจรจากบ้านเกิดเพื่อหาพื้นที่อาศัยเป็นของตนเอง
วันที่ 23 ก.ย. กลุ่มพิกัดการเคลื่อนที่ส่งผ่านระบบดาวเทียมปรากฏขึ้นในระบบ ในเวลาต่อมาจึงมีการเข้าตรวจสอบจุดดังกล่าวซึ่งอยู่นอกแนวเขตพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และไม่ใช่พื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ พบปลอกคอที่ปลายปิดเป็นวงกลมหล่นที่พื้น หมายความว่าระบบปลดอัตโนมัติยังไม่ได้ทำงาน เมื่อคุ้ยเขี่ยทรายที่ท้องร่องห้วยเล็ก ๆ ได้พบกับเศษชิ้นส่วนกระดูกที่โดนทรายทับถมไว้ด้านล่าง ในขณะเดียวกันก็พบหลุมวงกลมขนาดพอเหมาะกับการฝังดับดักแบบเหยียบอยู่ข้างเคียง

การพลาดท่าให้กับดักครั้งนี้ของสรณ์สืบนั้น อาจเป็นเพราะบังเอิญแวะหาแหล่งน้ำในขณะที่เดินสัญจรเพื่อหาหลักแหล่ง โดยที่เจตนาเดิมของกับดักนั้นอาจมุ่งหมายเพียงแค่สัตว์กีบที่มีรอยตีนปรากฏตลอดเส้นทางด่าน ก่อนแยกลงลำห้วยก็เป็นได้ แต่ความโชคร้ายได้กลายเป็นของสรณ์สืบ
จุดจบของสรณ์สืบครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า การดำเนินชีวิตของเสือโคร่งวัยรุ่นตัวผู้เพื่อให้อยู่รอดจนถึงขั้นตั้งถิ่นฐานมีทายาทสืบสายพันธุ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ข้อมูลเสือโคร่งวัยรุ่นตัวผู้ที่ใส่ปลอกคอแล้วพเนจรออกจากป่าห้วยขาแข้งมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือ ยังไม่มีบันทึกความสำเร็จในการยึดครองพื้นที่นอกถิ่นแม่
“ฉะนั้นความกังวลว่าเสือโคร่งจากห้วยขาแข้งจะมีมากจนล้นไปเป็นอันตรายต่อชุมชน คงต้องคิดกันใหม่ตราบใดที่ยังมีการล่าสัตว์ป่าอยู่ แม้แต่การให้มีเสือโคร่งอยู่เต็มเพดานการรองรับได้ของพื้นที่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
สำหรับเสือโคร่งสรณ์สืบ อายุ 3 ปี 3 เดือน ถูกจับใส่ปลอกคอดาวเทียมครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2566 แต่ปลอกคอทำงานเพียงช่วงสั้น ๆ ประมาณ 1 เดือน แล้วระบบ irridium มีปัญหา จึงเปลี่ยนการติดตามจากดาวเทียมเป็นตามรับสัญญาณวิทยุ vhf ผสมกับการตั้งกล้องดักถ่ายในพื้นที่ห้วยขาแข้งตอนกลาง
อ่านข่าว : หายาก! แม่เสือโคร่ง "อภิญญา" พาลูกกินเลี้ยงวัวแดงห้วยขาแข้ง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: