เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2568 SCMP รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ขอเป็นประธานพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.นี้ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวรัฐบาลและนักการทูต 4 รายที่เปิดเผยต่อ This Week in Asia
ทรัมป์มุ่งใช้โอกาสนี้ย้ำภาพลักษณ์ "ประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ" เพื่อลุ้นรางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ หลังจากที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดการปะทะรุนแรงในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 43 ราย และนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 7 ส.ค. โดยมีนายกฯอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เป็นผู้ไกล่เกลี่ยหลัก
ส่วนทรัมป์มีส่วนกดดันด้วยการขู่ว่าจะเลื่อนเจรจาภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ กำหนดกับอาเซียน หากไม่บรรลุข้อตกลงสันติภาพ ขณะที่จีนในฐานะพันธมิตรสำคัญของทั้ง 2 ประเทศ ก็มีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการหยุดยิงเช่นกัน
ประชุมอาเซียนปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมระดับสูง เช่น นายกฯหลี่ เชียง แห่งจีน นายกฯเนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ปธน.หลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล และ ปธน.ไซริล รามาโฟซา แห่งแอฟริกาใต้ ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ชาติหวังใช้การพบปะทวิภาคีกับทรัมป์ เพื่อขอผ่อนปรนภาษีนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 40 ซึ่งกระทบการส่งออกของภูมิภาคและอาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Lowy Institute ระบุว่าภาษีเหล่านี้จะลดความต้องการสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 16 ของการส่งออกทั้งหมดของอาเซียน ส่งผลให้ภูมิภาคต้องหันไปพึ่งตลาดจีนที่ครองส่วนแบ่งถึงร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม
การเชิญทรัมป์ครั้งนี้ ถูกยืนยันโดน อันวาร์ อิบราฮิม กลับต้องเผชิญเสียงคัดค้านจาก มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯมาเลเซีย ซึ่งวิจารณ์สหรัฐฯ ว่าสนับสนุน "อาชญากรรมต่อมนุษยธรรม" ในสงครามกาซา ท่ามกลางวิกฤตที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์นับหมื่นราย นับแต่การโจมตีของฮามาสเมื่อ 2 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม นายกฯ อังวาร์ยืนยันยึดหลักปฏิบัติของอาเซียนในการเชิญพันธมิตรทุกฝ่ายเท่าเทียม เพื่อรักษาบทบาทกลางของกลุ่มในการทูตและการค้า นักวิเคราะห์อย่างโจแอนน์ ลิน จากสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak สิงคโปร์ ระบุว่าการตัดสินใจนี้เป็น "เสี่ยงต่ำ" ที่ช่วยบาลานซ์มหาอำนาจระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจีนกำลังนำหน้าด้วยคะแนนอิทธิพล 65 จาก 100 ในดัชนีของ Lowy Institute โดยครองอิทธิพลสูงสุดในไทย กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม
การที่ทรัมป์เข้าร่วมประชุมอาเซียน เปิดโอกาสให้อาเซียนนำเสนอข้อเรียกร้องเรื่องการค้าและเศรษฐกิจ โดยอังวาร์วางแผนกล่าวถึงประเด็นกาซาในการประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ และทูตเจรจาขอให้ทรัมป์ลดภาษีและปรับจุดยืน
นักวิเคราะห์อัซมี ฮัสซัน กล่าวว่าอาเซียนจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่เน้นอธิบายความสำคัญของภูมิภาคต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะที่โอห์ เอ ซุน จากศูนย์วิจัยแปซิฟิก มาเลเซีย ชี้ว่าการเชิญนี้สะท้อนการคำนวณเชิงปฏิบัติ ชนะอุดมการณ์ โดยเฉพาะเมื่อมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นชาติที่แสดงออกเรื่องปาเลสไตน์ชัดเจนที่สุด ในสมัยแรกของทรัมป์ เขาเข้าร่วมอาเซียนเพียงครั้งเดียวที่ฟิลิปปินส์ปี 2560 แต่สมัยนี้แสดงความสนใจภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวทีโลก
อ่านข่าวเพิ่ม :