วันนี้ (9 ต.ค.2568) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงชี้แจงกรณีปัญหาค้างจ่ายเงินแก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ หลัง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ระบุว่า สปสช.ค้างชำระกว่า 110 ล้านบาท
ทพ.อรรถพร ยอมรับว่า สปสช.มีหนี้ค้างจ่ายต่อโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน รวมหลายพันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลางประมาณ 8,000 ล้านบาท และยืนยันว่าทุกโรงพยาบาลจะได้รับเงินครบภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้
สำหรับกรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทพ.อรรถพร ระบุว่า ยอดค้างจ่ายที่แท้จริงอยู่ที่กว่า 70 ล้านบาท ไม่ใช่ 110 ล้านบาทตามที่มีการโพสต์ โดยสาเหตุเริ่มต้นจากปี 2563 หลัง สปสช.ยกเลิกคลินิกชุมชนอบอุ่นกว่า 200 แห่งที่พบการทุจริต ทำให้มีการโอนผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น รวมถึงโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งขณะนั้นงบถูกจัดสรรไปยังคลินิกแล้ว ทำให้ต้องติดตามเรียกเงินคืน มีค้างชำระประมาณ 13.2 ล้านบาทและอยู่ระหว่างกระบวนการศาล
ขณะที่ในปี 2567 สปสช.ได้จ่ายงบประมาณให้แล้ว 651 ล้านบาท แต่มีการปรับเกณฑ์ใหม่ทำให้ต้องเรียกคืนบางส่วนประมาณ 16 ล้านบาท และในปี 2568 มีการโอนงบเหมาจ่าย 618 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ต.ค. โดยยังมียอดคงค้างประมาณ 67 ล้านบาท
ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ระบบในพื้นที่กรุงเทพฯ มีความซับซ้อน เนื่องจากหน่วยบริการของรัฐไม่เพียงพอ จึงต้องพึ่งภาคเอกชนเป็นคู่สัญญา พร้อมยืนยันว่า สปสช.ไม่มีเจตนาจะเบี้ยวหนี้และพร้อมปรับปรุงขั้นตอนให้โปร่งใสมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าว พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ได้เดินทางมาร่วมรับฟังและยืนยันว่าตัวเลขหนี้ที่ สปสช.ค้างจ่ายโรงพยาบาลยังอยู่ที่ 110 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้ปี 2563 จำนวน 8.9 ล้านบาท, ปี 2567 ประมาณ 40 ล้านบาท และปี 2568 รวมกว่า 70 ล้านบาท

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า การเปลี่ยนเกณฑ์จ่ายเงินของ สปสช.ในปี 2567 เป็นสิ่งที่ไม่เคยแจ้งล่วงหน้า ถือเป็นการเบี้ยวหนี้และบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเผยว่าการเปลี่ยนระบบ Point System ทำให้โรงพยาบาลต้องถูกเรียกเงินคืนกว่า 38 ล้านบาทในช่วงเดือน ก.ย. - มี.ค. โดยไม่เคยได้รับการชี้แจงล่วงหน้า จึงเป็นเหตุให้ยกเลิกคลินิกคู่สัญญา 35 แห่ง ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 200,000 คน
ทั้งนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง เสนอแนวทางแก้ปัญหา 2 ข้อคือ ให้ สปสช.เร่งจ่ายหนี้ค้างปี 2563 จำนวน 8.9 ล้านบาท และปี 2567 อีก 40 ล้านบาทก่อน หากดำเนินการได้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะยังให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองต่อ ส่วนหนี้ปี 2568 เข้าใจว่าอยู่ในขั้นตอนเบิกจ่าย สามารถรอได้
ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวตอบรับข้อเสนอ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ (อปสข.) ส่วนหนี้ปี 2563 ยังอยู่ในขั้นตอนศาลปกครอง หากมีการไกล่เกลี่ยและคืนเงิน สปสช.ก็พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า หากโรงพยาบาลเอกชนอื่นไม่ได้รับทราบเกณฑ์ใหม่เช่นเดียวกัน อาจเกิดปัญหายกเลิกสัญญาในวงกว้าง พร้อมยืนยันว่าแม้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะยุติการรับผู้ป่วยบัตรทอง ก็ไม่กระทบรายได้ เพราะยังมีผู้ป่วยทั่วไปที่พร้อมจ่ายเงิน แต่ยังคงให้บริการบัตรทองด้วยความเห็นใจประชาชน
อย่างไรก็ตามเมื่อสิ้นสุดการแถลงข่าว ทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวและจับมือกัน โดย นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า “คนเราโกรธกันได้ เกลียดกันได้ แต่ถ้ามีเหตุผล วันหนึ่งเราก็คืนดีกันได้”

อ่านข่าว
"หมอเหรียญทอง" บุก สปสช. ทวงหนี้สิทธิบัตรทอง 110 ล้าน
รพ.มงกุฎวัฒนะ ประกาศหยุดให้บริการ OPD สิทธิบัตรทอง ตั้งแต่ 16 ต.ค.68
เลื่อนเปิด ถ.สามเสน หลัง รฟม.ปรับแผนเสริมดินป้องกันถนนยุบซ้ำ