วันนี้ (31 ต.ค.2568) เควิน ลิปแทก เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบขาวของ CNN ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วิเคราะห์ ในโลกของการทูต ไม่มีอะไรซับซ้อนเท่าการเลือก "ของขวัญ" ให้กับชายผู้มีทั้งอำนาจ เงินทอง และเครื่องบินโบอิงส่วนตัวอย่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ปธน.สหรัฐฯ ซึ่งขึ้นชื่อว่าหลงใหลในความหรูหราและสิ่งที่เปล่งประกายเป็นพิเศษ การมอบของให้ทรัมป์จึงไม่ใช่แค่เรื่องมารยาทระหว่างรัฐ แต่เป็นเกมแห่งการเมืองที่เดิมพันด้วยภาพลักษณ์และไมตรีระดับโลก
ตั้งแต่ทรัมป์กลับคืนสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ผู้นำทั่วโลกต่างพากันแข่งขันกันอย่างแนบเนียนเพื่อ "เอาชนะใจ" ผู้นำผู้รักทองคำและคำชม โดยของขวัญแต่ละชิ้นล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียด ทั้งเพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของประเทศผู้ให้ และเพื่อสื่อสารบางอย่างต่อผู้รับที่มีทั้งความมั่นใจและอารมณ์อ่อนไหวทางศักดิ์ศรี
เดือน ก.พ.2568 เปิดฉากด้วยของฝากจากพันธมิตรเก่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอล ที่มอบ "เพจเจอร์ทองคำ" จำลองจากอุปกรณ์ซึ่งเคยใช้ในปฏิบัติการทางทหารจริง เพื่อย้ำถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง แม้ทรัมป์จะบอกภายหลังว่า "แปลกใจนิดหน่อย" แต่ก็ยอมรับว่าเป็นของขวัญที่ไม่ธรรมดา
ถัดมาไม่กี่วัน ชิเกรุ อิชิบะ อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น มอบ "หมวกนักรบซามูไรทองคำ" ที่ผลิตในบ้านเกิดของอิชิบะ สื่อถึงเกียรติ ความกล้า และการเคารพผู้นำที่แข็งแกร่ง
ของจากยุโรปตะวันออกก็น่าจดจำไม่แพ้กัน เมื่อ วโลดิมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน นำ "เข็มขัดแชมป์โลกมวย WBC" ของโอเล็กซานเดอร์ อูซิก มามอบให้ในระหว่างที่ทั้งคู่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องประชุม ต่อมาเซเลนสกีกลับมาอีกครั้งพร้อม "ไม้กอล์ฟของทหารแนวหน้า" ซึ่งใช้จริงในสนามรบ เพื่อสื่อถึงความกล้าหาญและความร่วมมือเชิงสัญลักษณ์
แต่ของขวัญที่ทำให้ทั่วโลกพูดถึงมากที่สุดเห็นจะเป็นของจาก รัฐกาตาร์ "เครื่องบิน โบอิง 747 มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์" ที่ทรัมป์ประกาศจะบริจาคให้ "หอสมุดประธานาธิบดีทรัมป์" ในอนาคต ของขวัญชิ้นนี้สร้างเสียงวิจารณ์ไม่น้อย เพราะตามกฎหมายสหรัฐฯ ของขวัญที่ผู้นำได้รับถือเป็นสมบัติของประชาชนและต้องรายงานต่อสำนักงานบริการทั่วไป แต่ความอลังการของโบอิงสุดหรูลำนี้ ก็สะท้อนถึงความตั้งใจของกาตาร์ในการรักษาความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับวอชิงตัน
ด้าน วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เลือกใช้ "ศิลปะ" เป็นสื่อกลาง เขาส่งภาพวาดของทรัมป์ขณะเลือดเปื้อนหน้า ภายหลังจากเหตุลอบยิงในเพนซิลเวเนียเมื่อปี 2567 ซึ่งปูตินอธิบายว่าเป็น "ภาพแห่งความกล้าและการอยู่รอด" ทรัมป์ถึงกับบอกต่อที่ปรึกษาว่า "ซาบซึ้งจนพูดไม่ออก"
จากยุโรปตอนเหนือ เยอรมนี มอบสำเนาสูติบัตรของปู่ชาวเยอรมันของทรัมป์ ส่วน สกอตแลนด์ ก็เลือกของขวัญในแนวชาติกำเนิดเช่นกัน คือเอกสารทะเบียนสมรสของบรรพบุรุษฝั่งมารดา ทั้ง 2 ชิ้นเป็นการส่งสารว่า "เรารู้ว่าคุณมาจากที่ใด" และหวังดึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมเข้าหากัน
ฝั่งสหราชอาณาจักร พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงต้อนรับทรัมป์ด้วยหนังสือปกหนังสุดประณีต ที่บันทึก 250 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ พร้อมธงยูเนียนแจ็กที่โบกเหนือพระราชวังบักกิงแฮมในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของเขา
ช่วงปลายปีของขวัญจากเอเชีย ซานาเอะ ทาคาอิชิ นายกฯ ญี่ปุ่นคนใหม่ มอบ "ไม้พัตเตอร์ของชินโซ อาเบะ" อดีตผู้นำผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ และความทรงจำที่อบอุ่นในยุคแรกของทรัมป์ ขณะที่ อี แจ-มยอง ผู้นำเกาหลีใต้ ปิดฉากปีด้วย "มงกุฎทองคำจำลอง" พร้อมคำพูดติดตลกจากทรัมป์ว่า "ผมอยากใส่มันตอนนี้เลย!"
ของขวัญทุกชิ้นที่ผ่านมือประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้เป็นเพียงของที่ระลึก แต่คือข้อความทางการเมืองที่แฝงอยู่ในวัตถุ — ระหว่างความหรูหราและการประจบระหว่างประเทศ ที่สะท้อนว่าในโลกของการทูตยุคใหม่ "การให้" อาจทรงพลังไม่แพ้ "คำพูด"
อ่านข่าวอื่น :
เมลิสซาถล่ม! เฮติตาย 25 เด็กสูญ 12 คน จาเมกาหนักสุดในประวัติศาสตร์
กษัตริย์อังกฤษทรงถอดพระยศ "เจ้าชายแอนดรูว์" ให้ออกจากที่ประทับ















