วันนี้ (4 พ.ย.2568) CNN รายงาน แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ชื่อดังสัญชาติจีน "Shein" กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส หลังถูกกล่าวหาว่าขายตุ๊กตายางที่มีรูปร่างเหมือนเด็ก ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและอาจเชื่อมโยงกับเนื้อหาลามกอนาจารเด็ก สำนักงานปราบปรามการฉ้อโกงของฝรั่งเศส หรือ DGCCRF ได้ตรวจสอบเว็บไซต์ Shein เวอร์ชันฝรั่งเศส แล้วพบตุ๊กตาเหล่านี้วางขายจริง โดยคำอธิบายและหมวดหมู่สินค้าทำให้ดูชัดเจนว่านี่คือของที่ไม่เหมาะสมและอาจส่งเสริมพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สินค้าตุ๊กตายางเหล่านี้ยังคงวางขายบนเว็บไซต์จนถึงเช้าวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. เวลาประมาณ 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในฝรั่งเศส จากรายงานของสถานีโทรทัศน์ BFMTV ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
โรแลนด์ เลสคูร์ รมว.คลังของฝรั่งเศส ออกมาเตือน Shein ว่าถ้าพฤติกรรมแบบนี้ยังเกิดซ้ำ ๆ ฝรั่งเศสจะมีสิทธิ์แบน Shein ออกจากตลาดแฟชั่นฝรั่งเศส และยังกล่าวเสริมว่าสินค้านี้ (ตุ๊กตายางคล้ายเด็ก) น่าขยะแขยงมากกว่า และเป็นสิ่งผิดกฎหมายฝรั่งเศส
ทางด้าน Shein ตอบกลับทันทีด้วยการประกาศแบนตุ๊กตายางเจ้าปัญหา และลบรายการสินค้ารวมถึงรูปภาพที่เกี่ยวข้องออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ในแถลงการณ์ที่ส่งให้ CNN บริษัทระบุว่า หมวดสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ถูกปิดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด โดนัลด์ ตัง ประธานบริหารของ Shein กล่าวว่า การต่อสู้กับการแสวงหาประโยชน์จากเด็กเป็นเรื่องที่ Shein จะไม่ประนีประนอมเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ Shein ยังแถลงอีกว่าสินค้าที่มีปัญหา ถูกถอดออกทันทีที่บริษัททราบเรื่อง
เราจริงจังกับเรื่องนี้มาก เราไม่สามารถยอมรับได้ เพราะขัดกับหลักการของ Shein ตอนนี้เรากำลังแก้ไขและเสริมมาตรการภายในเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
วิกฤตครั้งนี้ มาในจังหวะที่ Shein กำลังจะเปิดร้านค้าออฟไลน์ร้านแรกของโลกที่ปารีสในวันที่ 5 พ.ย. และตามด้วยสาขาอื่น ๆ ในฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจออนไลน์สู่ออฟไลน์
โดนัลด์ ตัง ประธานบริหารของ Shein
โดนัลด์ ตัง ประธานบริหารของ Shein
แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ของ Shein สั่นคลอนหนัก ทางการฝรั่งเศสส่งคดีนี้ให้อัยการและหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมพิจารณาต่อ โดย DGCCRF ระบุว่าการเผยแพร่เนื้อหาลามกเด็กบนเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ผิดกฎหมายฝรั่งเศส มีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปีและปรับเป็นเงิน 100,000 ยูโร หรือประมาณ 3,800,000 บาท นอกจากนี้ การขายตุ๊กตาเหล่านี้ยังแสดงว่า Shein ขาดระบบป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาลามกอนาจาร ซึ่งเป็นความผิดอีกข้อหนึ่ง
ซาราห์ เอล-ไฮรี ผู้ตรวจการสูงสุดด้านเด็กของฝรั่งเศส บอกกับ BFMTV ว่าเธอต้องการติดตามทั้งผู้ขายและผู้ซื้อตุ๊กตาเหล่านี้ เพื่อปกป้องเด็ก ๆ อย่างจริงจัง เหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เคยเกิดกับยักษ์ใหญ่ชอปปิงอย่าง Amazon ในปี 2561 เมื่อผู้ขายรายย่อยใช้แพลตฟอร์มขายตุ๊กตายางเด็ก และ Amazon ต้องถอดสินค้าออกทันทีเพื่อจัดการปัญหา
"Shein" ร้านเล็ก ๆ สู่แหล่งชอปปิง 3 หมื่นล้านเหรียญ
Shein หรือชื่อเต็ม SHEIN Group Limited เป็นแบรนด์แฟชันออนไลน์จากจีนที่ก่อตั้งเมื่อปี 2551 โดย คริส ซู (Chris Xu) ในเมืองนานกิง อาศัยโมเดล "Fast fashion" ที่เน้นการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ตามกระแสเทรนด์จากโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์ เดิมร้านชื่อ ZZKKO ก่อนเปลี่ยนมาเป็น Shein ในปี 2558
เริ่มต้นจากร้านขายชุดเดรสราคาถูก แต่เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้ค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถทำรายได้ต่อปีได้มากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งสินค้าไปยังกว่า 200 ประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่หลงใหลในเสน่ห์ของเสื้อผ้าที่อัปเดตไว ราคาย่อมเยา และส่งตรงถึงมืออย่างรวดเร็ว
สูตรความสำเร็จหลัก คือการใช้เทคโนโลยี "Data-driven design" ที่อาศัย AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลจากแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Instagram และ Pinterest เพื่อคาดการณ์เทรนด์ที่กำลังมาแรง จากนั้นจึงออกแบบคอลเลกชันใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทันใจ ทำให้ Shein สามารถครองใจตลาดเอเชีย ยุโรป และอเมริกาได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ยอดชอปปิงออนไลน์พุ่งสูงขึ้นกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ในหลายภูมิภาค
กลยุทธ์การขายออนไลน์ของ Shein ถือเป็นตำนานที่หลายแบรนด์พยายามเลียนแบบ ด้วยแนวคิด "Micro-trends" ที่อัปเดตสินค้ามากกว่า 1,000 ชิ้นต่อวัน ในราคาที่เริ่มต้นต่ำเพียง 100-200 บาทต่อชิ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของสต็อกสินค้า และลูกค้ายังถูกดึงดูดด้วยแคมเปญส่งฟรีหรือค่าจัดส่งต่ำสุด พร้อมโปรโมชันแฟลชเซลที่ทำให้รู้สึกว่า "พลาดไม่ได้" ต้องรีบกดใส่ตะกร้า
นอกจากนี้ Shein ยังสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งผ่านแฮชแท็ก #SheinHaul บน TikTok สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าต่อปีในช่วง 3 ปี ล่าสุด Shein ไม่ได้ขายแค่เสื้อผ้า แต่ขาย "ประสบการณ์แฟชั่นที่เป็นส่วนตัว" ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นนักออกแบบตัวเองได้ โดยใช้ Influencer marketing กับเหล่าครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ช่วยโปรโมตคอลเลกชันพิเศษ เช่น เสื้อผ้าสไตล์ K-pop หรือ streetwear ที่ฮิตในเอเชีย ผลลัพธ์คือ Shein กลายเป็นแอปชอปปิงอันดับต้น ๆ ใน App Store และ Google Play โดยมีผู้ใช้รายวันกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก
หลากดรามา ยอดขายไม่ติดลบแต่กระทบภาพลักษณ์
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้มาพร้อมดรามาด้านลบที่ทำให้ภาพลักษณ์ Shein ได้รับความนิยมลดลง โดยเฉพาะเรื่องแรงงานและสภาพการผลิต ในปี 2565 รายงานจาก Channel 4 ของอังกฤษเปิดโปงโรงงานของ Shein ในจีน ใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี บังคับทำงานวันละ 15 ชั่วโมง ค่าแรงต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และสภาพแวดล้อมอันตราย สร้างแรงต่อต้านจากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ Shein ถูกวิจารณ์เรื่องโมเดล Fast fashion ที่ผลิตเสื้อผ้าจำนวนมหาศาลจากวัตถุดิบสังเคราะห์อย่างโพลิเมอร์ (Polymer) ซึ่งย่อยสลายยาก สร้างขยะสิ่งแวดล้อมปีละหลายล้านตัน ที่แย่กว่านั้นคือประเด็นละเมิดลิขสิทธิ์ Shein ถูกฟ้องกว่า 50 คดีในสหรัฐฯ ฐานคัดลอกดีไซน์จากดีไซเนอร์อิสระและแบรนด์ดัง โดยใช้ AI สแกนภาพจาก Instagram แล้วผลิตเลียนแบบในราคาถูก ทำให้คนดังและเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เซเลบชั้นนำอย่าง Bella Hadid หรือ Addison Rae ออกมาต่อต้าน หยุดโปรโมท และเรียกร้องให้บอยคอตต์ ส่งผลให้ยอดขายในบางตลาดชะลอตัว ดรามาเหล่านี้ทำให้แบรนด์ถูกมองว่าไม่มีความยั่งยืนและขาดจริยธรรม
ลูกค้า Shein คือ Gen Z ?
ในมุมมองของผู้บริโภค "จิล สาววัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 จากกรุงเทพฯ" เล่าให้ไทยพีบีเอสออนไลน์ฟังว่า เธอปฏิเสธสินค้า Shein มาตั้งแต่แรก เพราะใช้วัสดุโพลิเมอร์สังเคราะห์ในการถักทอ ที่ย่อยสลายยาก ไม่รักษ์โลก แถมเป็น Fast fashion ที่ผลิตเยอะ ๆ ตามกระแส ทำให้ใช้ทรัพยากรเปลืองมาก ประกอบกับสไตล์การแต่งตัว เป็นคนชอบเสื้อผ้ามือสอง แต่กว่าจะซื้อก็พิจารณาหลายปัจจัย ทั้งเนื้อผ้า ราคา ที่สำคัญคือความคุ้มค่าของสินค้า
จะเลือกเสื้อผ้าโดยดูจากป้ายเสื้อก่อน ต้องเป็น Cotton 100% เป็นแบรนด์ที่ไว้ใจ เป็นคนใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ ซื้อตัวหนึ่งต้องใช้ได้นาน ถ้าไม่ใส่แล้วก็เอาไปขายต่ออีก แต่ถ้าตัวไหนที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ แม้ไม่ใช่ Shein ก็นับเป็น Fast Fashion เหมือนกัน เพราะซื้อมาแล้วไม่ใส่ ถือว่าไม่ได้ใช้ให้คุ้มค่า
จิลบอกว่าไลฟ์สไตล์ของเธอคือให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เสื้อผ้าที่ทำจากโพลีเมอร์ จะย่อยสลายยาก และมาตามแฟชั่น พอมีแฟชั่นใหม่ ตัวเก่าก็ใส่ไม่ได้ แบบนี้ไม่เรียกความยั่งยืน เธอสรุปด้วยรอยยิ้ม
ส่วน "แจน นักศึกษาชั้นปี 4 วัย 22 ปี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง" ที่เคยเป็นแฟนตัวยงของ Shein เล่าว่า เมื่อก่อนก็ชอปปิง Shein บ่อย ชอบที่ราคาถูก สั่งออนไลน์ง่าย แต่หลังจากเห็นข่าวดรามาเรื่องแรงงานในโรงงานจีน ก็เลิกสั่งของเลย ส่วนตัวเป็นคนชอบแต่งตัว แต่ไม่ตามแฟชั่นเสมอไป แต่ยังนิยมชอปออนไลน์เพราะสะดวก
แจนยังปิดท้ายให้ว่า การเลือกซื้อและใช้เสื้อผ้า เป็นเรื่องของมุมมองแต่ละคน ความเหมาะสม และบริบทการใช้ ไม่ได้เป็นสิ่งชี้วัดทั้งหมดว่าใครจะเป็น Fast fashion หรือไม่รักษ์โลกแต่อย่างใด ตราบใดที่ยังสามารถแต่งตัวออกมาให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
ที่มาข้อมูล : BBC, Thefactshop, Shein
อ่านข่าวอื่น :
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พฤศจิกายน 2568 เช็กวงเงินซื้อสินค้า
ทบ.แจงเงินเดือน-เบี้ยเลี้ยง-ค่าตอบแทน-ระเบียบหักค่าใช้จ่าย "ทหารเกณฑ์"











