ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นคืออะไร ? ถอดบทเรียน "ฟิลิปปินส์" ประเทศที่เจอพายุไม่หยุดหย่อน

ภัยพิบัติ
13:53
145
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นคืออะไร ? ถอดบทเรียน "ฟิลิปปินส์" ประเทศที่เจอพายุไม่หยุดหย่อน
"ฟิลิปปินส์" ตั้งอยู่ในแนวพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ต้องเผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนเฉลี่ยสูงถึง 20 ลูก/ปี บางลูกทวีความรุนแรงจนเป็น "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" ทำให้ฟิลิปปินส์ต้องพัฒนาระบบเตรียมความพร้อม-เตือนภัย เพื่อปกป้องประชากรต่อภัยพิบัติซ้ำซากนี้

นิยามคำว่า "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น"

คำว่า "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" (Super Typhoon) เป็นคำที่ใช้เรียกพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงสูงสุด โดยศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วม (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC) กำหนดว่า พายุจะถูกจัดเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นต่อเมื่อ ความเร็วลมคงที่สูงสุดถึง 130 นอต หรือมากกว่าขึ้นไป (ประมาณ 240 กม./ชม. หรือ 150 ไมล์/ชม.) ซึ่งเทียบเท่ากับพายุเฮอร์ริเคนระดับ 4 ที่รุนแรงตามมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน

ในขณะที่หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ (Philippine Atmospheric, Geophysical, and Astronomical Services Administration หรือ PAGASA) ได้กำหนดเกณฑ์ของซูเปอร์ไต้ฝุ่นไว้ที่ความเร็วลมเกินกว่า 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำกว่าเกณฑ์ของ JTWC เล็กน้อย โดย PAGASA ได้นำคำนี้มาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติที่รุนแรง

ข้อมูลจาก Ecoflow ระบุว่าพายุที่มีความรุนแรงในระดับนี้ มักก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลอุ่นที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ทำให้พายุสามารถทวีความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว

ผลกระทบของซูเปอร์ไต้ฝุ่นนั้นมีความรุนแรงถึงขั้น ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่ออาคาร โครงสร้างรากฐานต่าง ๆ และทำให้ระบบไฟฟ้าและการสื่อสารหยุดชะงักในวงกว้างเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น พายุไห่เยี่ยน (Haiyan/Yolanda) ในปี 2556 และ พายุราอี (Rai/Odette) ในปี 2564 ล้วนถูกจัดเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและความสูญเสียต่อชีวิตอย่างมหาศาล

ทำไมฟิลิปปินส์เจอ "พายุ" บ่อย ?

ฟิลิปปินส์มีความเปราะบางสูงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่ประเทศตั้งอยู่ใน "แนวพายุไต้ฝุ่น" (Typhoon Belt) ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ (WNP) ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พายุหมุนเขตร้อนก่อตัวขึ้นบ่อยที่สุด โดยเฉลี่ยแล้ว มีพายุหมุนเขตร้อนประมาณ 20 ลูก/ปี ที่เข้าหรือก่อตัวในเขตพื้นที่รับผิดชอบของฟิลิปปินส์ (Philippine Area of Responsibility หรือ PAR) และประมาณ 8-9 ลูกจะขึ้นฝั่ง ตามข้อมูลของ Ecoflow

ปัจจัยทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศที่สำคัญประกอบด้วย

1.ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำทะเลอุ่นตลอดทั้งปี โดยประมาณร้อยละ 60 ของพายุที่ก่อตัวใน WNP จะต้องเคลื่อนผ่าน PAR และไม่มีแผ่นดินขนาดใหญ่มาสกัดกั้นเส้นทางของพายุที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิก

2.อุณหภูมิผิวน้ำทะเล มหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณนี้มีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเติมพลังงานความร้อนและความชื้นให้พายุทวีความรุนแรง

3.อิทธิพลมรสุม ฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมสลับกัน (มรสุมตะวันตกเฉียงใต้/ฮาบากัต และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ/อามิฮาน) การเปลี่ยนแปลงของมรสุมนี้ยังเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เอนโซ (El Niño Southern Oscillation หรือ ENSO) โดยในช่วงลานีญา ซึ่งสัมพันธ์กับสภาพอากาศที่เปียกชื้น มักจะเกิดพายุหมุนเขตร้อนใกล้ฟิลิปปินส์มากขึ้น

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (ACC) ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้พายุมีความรุนแรงขึ้นด้วยการเพิ่มอุณหภูมิผิวน้ำทะเล ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของพายุที่มีฝนตกหนักและมีลมแรงจัด

ฟิลิปปินส์รับมือและปรับตัวต่อ "พายุ" อย่างไร

จากบทเรียนที่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Yolanda) ในปี 2556 ซึ่งทำลายโครงสร้างพื้นฐานอย่างย่อยยับ ฟิลิปปินส์ได้ปฏิวัติระบบการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ โดยเปลี่ยนจากการตอบสนองฉุกเฉินไปสู่การเตรียมความพร้อมเชิงรุกที่ซับซ้อนและบูรณาการ

1.ระบบเตือนภัยแบบครบวงจรและการประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า (PDRA-APP)

สำนักงานป้องกันภัยพลเรือน (Office of Civil Defense - OCD) และสภาลดความเสี่ยงและจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRRMC) ของฟิลิปปินส์ ได้พัฒนากลไกสำคัญคือ การประเมินความเสี่ยงภัยพิบัติล่วงหน้า หรือ PDRA-APP เพื่อให้คำเตือนที่เฉพาะเจาะจง เพื่อใช้ในการอพยพเชิงป้องกันโดยให้คำเตือนที่ "เฉพาะเจาะจงภัยคุกคาม มุ่งเน้นพื้นที่ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน"

บทเรียนจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเผยให้เห็นว่า คำศัพท์ทางเทคนิค เช่น "คลื่นพายุซัดฝั่ง" (storm surge) ไม่สามารถสื่อสารความร้ายแรงให้สาธารณชนเข้าใจได้อย่างเพียงพอ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น PAGASA และ NOAH จึงใช้ แบบจำลองคลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge models) และแผนที่แสดงพื้นที่น้ำท่วม ที่มีความละเอียดสูง พร้อมทั้งเปลี่ยนคำเตือนให้เข้าใจง่ายขึ้น เช่น ใช้คำว่า "คลื่นยักษ์"แทน

มีการใช้ระบบการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสื่อมวลชนถูกเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่มาตรการเตรียมความพร้อมเชิงรุก รวมถึงการใช้แฮชแท็กที่เป็นมาตรฐาน

2.การประสานงานระหว่างหน่วยงานและกำลังพล (Civil-Military Coordination)

ความสำเร็จในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างมากในช่วงพายุฮากูปิต (Hagupit/Ruby) ในปี 2557 (มีผู้เสียชีวิตเพียง 18 ราย เทียบกับไห่เยี่ยน 6,352 คน) มาจากการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์ ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างพลเรือนและทหาร ผ่านศูนย์ประสานงานข้ามชาติ (Multinational Coordination Center หรือ MNCC) ซึ่งการอพยพนี้ถูกสั่งการล่วงหน้า 48 ชั่วโมงก่อนพายุฮากูปิตจะขึ้นฝั่ง เพื่อเตรียมพร้อมจัดการทรัพยากรและความช่วยเหลือโดยทหารต่างชาติ

3.การปรับตัวของประชากรและบทบาทของภาคเอกชน

แม้ฟิลิปปินส์จะมีประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีความแออัดในเขตเมืองสูง ซึ่งนำไปสู่ความเปราะบางของชุมชนแออัดที่ไม่สามารถต้านทานสภาพอากาศรุนแรงได้ แต่การปรับตัวก็ได้เกิดขึ้นในหลายระดับ

  • ภาคเอกชนในฐานะกำลังเสริม องค์กรที่นำโดยภาคเอกชน เช่น มูลนิธิฟื้นฟูความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติฟิลิปปินส์ (PDRF) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพในการรับมือภัยพิบัติของประเทศ PDRF ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้การตอบสนองด้านมนุษยธรรม "เร็วขึ้น ใหญ่ขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น" รวมถึงการวางแผนจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภัยพิบัติถาวร
  • การจัดการความเสี่ยงทางการเกษตร ภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าวและข้าวโพด มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะภัยแล้งและน้ำท่วม เกษตรกรจึงได้รับความช่วยเหลือผ่านการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศตามฤดูกาล (SCFs) เพื่อช่วยในการตัดสินใจเพาะปลูกและจัดการทรัพยากร
  • การเตรียมพร้อมในครัวเรือน เนื่องจากพายุมักทำให้ไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน ครัวเรือนจึงต้องเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำดื่ม อาหารที่ไม่เน่าเสีย และแหล่งพลังงานสำรองแบบพกพา (portable power station) เพื่อรักษาอาหารและอุปกรณ์สื่อสารให้ใช้งานได้

ที่มาข้อมูล : เอกสาร ADVANCES IN CIVIL-MILITARY COORDINATION IN CATASTROPHES, EcoflowWhat Are the Different Typhoon Categories and Their Relationship: Understanding Storm Strengths

อ่านข่าวอื่น :

เรือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาล่ม พบร่างผู้เสียชีวิตกลางทะเลสตูล 4 คน

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "ฟงวอง" พัดขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ ฝนหนัก ลมแรง