วันนี้ ( 14 พ.ย.2568) นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ว่าประธานาธิบดี สี จิ้น ผิงได้กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักต์ในหลวง จีนซื้อข้าวไทย 500,000 ตัน ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13 - 17 พ.ย. 2568 นับว่า เป็นข่าวดีสหรับประเทศไทย
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมค้าต่างประเทศ
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมค้าต่างประเทศ
โดยหลังจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะเจรจากับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีน คือ COFCO ถึงรายละเอียด ทั้งชนิดข้าว ปริมาณ ราคา และการส่งมอบข้าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเจรจาได้ในสัปดาห์หน้า โดยเชื่อว่าปริมาณข้าว 500,000 ตันที่จีนซื้อ จะช่วยผลักดันการส่งออกข้าวไทยในปีนี้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน โดยปัจจัยเอื้อหลายประเด็น คือ ราคาข้าวโลกยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่คุณภาพข้าวไทยได้รับการยอมรับจากประเทศผู้นำเข้า รวมถึงหลายประเทศประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ กระทบต่อผลผลิตและสต๊อกข้าวลดลง และในปี2568 ประเทศผู้นำเข้าอั้นการซื้อ
สำหรับปริมาณส่งออกข้าวปีหน้าเชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น เช่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งจากการสอบถามผู้นำเข้าข้าว ระบุว่า สต็อกข้าวในประเทศอยู่ได้อีก 80 วัน จึงเชื่อว่าจะมีการนำเข้าเพิ่ม หลายประเทศภัยพิบัติ ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกเสียหาย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ หรือ นบข.วันที่ 18 พ.p.นี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะรายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงการเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี เชื่อว่าการระบายข้าวครั้งนี้จะช่วยดึงราคาข้าวประเทศให้ดีขึ้น และเชื่อว่าราคาข้าวจะไม่ต่ำกว่านี้แล้ว
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวกับ "ไทยพีบีเอสออนน์” กรณีที่ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง จะซื้อข้าวจากไทยปริมาณ 500,000 ตัน เป็นจิตวิทยาที่ทำให้ตลาดชะลอการระบาย ชาวนาชะลอขาย โรงสีรอดูสถานการณ์ แต่จะซื้อจริงอย่างไร คงต้องอยู่ที่คอนเน็คชั่นที่ไปเจรจา เพราะขณะนี้เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียด ทั้งราคา ปริมาณการส่งมอบ และระยะเวลา ว่าจะมีการส่งมอบเมื่อไหร่ เพราะ 500,000 ตัน ถ้าส่งมอบภายใน1 ปีอาจจะไม่มีผลต่อตลาดเท่าไหร่ แต่ถ้า 500,000 ตัน ส่งมอบภายใน 3เดือน 5 เดือน จะทำให้ตลาดกับมากระเตื้องขึ้น
แต่ทั้งนี้อยู่ที่กรมการค้าต่างประเทศ(คต.)จะไปเจรจากับ COFCO Corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านการเกษตรและอาหารของจีนคตที่จะไปเจรจาต้องมีคอนเน็ตชันที่แน่นด้วย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
เป็นจิตวิทยาที่ดี เพราะยังไงตอนนี้จีนก็ต้องซื้อข้าวไทยแน่นอน แต่อยู่ที่ระยะเวลาการส่งมอบว่ากี่เดือน ยิ่งส่งมอบระยะเวลาสั้นยิ่งดีต่อตลาด และยังเป็นจิตวิทยาที่ทำให้ตลาดชะลอการขาย เพราะราคาข้าวเปลือกในประเทศขณะนี้อยู่ที่ตันละ 5500 บาทยังไม่ดีขึ้น
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกข้าวปีนี้คาดว่าน่าจะเกินเป้าที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน เพราะ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ได้ส่งออกไปแล้ว 6.7 ล้านตัน ดังนั้นอีก 2 เดือน คือ พ.ย. และ ธ.ค. ถ้าส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 700,000 ตัน น่าจะเกินเป้า ประกอบกับเป็นปกติของต้นฤดูการผลิตที่ข้าวออกใหม่ ทำให้มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อจำนวนมาก เพื่อสต็อกไว้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นส่งออกปีหน้าจะมากกว่า 8 ล้านตัน ส่วนราคา ต้องบอกว่ายังต่ำเตี้ยมากถ้าเทียบกับปี 2567
สำหรับราคาข้าวFOB ข้าวขาว 5 % ของไทยอยู่ที่ 340 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เท่ากับข้าวของปากีสถาน ส่วนคู่แข่งอย่างเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอินเดียราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนภาพรวมปีหน้าปริมาณข้าวยังโอเวอร์ซัพพลาย การแข่งขันด้านราคายังสูง เพราะหลายประเทศมีผลผลิตที่ดีจากปริมาณฝนที่เพียงพอ อีกทั้งผู้ซื้อไม่รีบซื้อหรือซื้อเท่าที่จำเป็น และไม่ซื้อเพื่อสต็อก
อ่านข่าว:
ชะตากรรม "ข้าวไทย" เผชิญคู่แข่งรอบด้าน ชาวนาจะรอดอย่างไร
เตือนชาวนาระวัง “แมลงบั่ว” ศัตรูร้ายทำลายข้าวมาพร้อมกับอากาศหนาว











