วันนี้ (16 พ.ย.2568) เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำศพของ น.ส.สุธาทิพย์ อายุ 28 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเสียชีวิตในประเทศกัมพูชา กลับเข้าประเทศไทยเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนส่งต่อให้ญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
ผู้เสียชีวิตถูกพบร่างในสภาพผูกคอภายในห้องพักแห่งหนึ่งในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ผลชันสูตรจากทางการกัมพูชาในกรุงพนมเปญระบุว่า ร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ญาติคาดว่า น.ส.สุธาทิพย์ประสบความเครียดสะสม หลังจากเงินเก็บที่นำไปทั้งหมดสูญหาย ก่อนกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพบหน้าเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาว เพียง 2 วันก่อนเกิดเหตุ
ครอบครัวแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานาน และไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต โดยจะบำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลา 3 คืน และฌาปนกิจศพในวันที่ 18 พ.ย.นี้
น.ส.สุธาทิพย์ เดินทางข้ามไปทำงานในประเทศกัมพูชาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรณีที่คนไทยจำนวนมากเลือกไปหางานทำฝั่งเพื่อนบ้าน โดยบางรายตั้งใจไปเอง บางรายถูกหลอกลวง แต่กลับพบอุบัติเหตุร้ายแรงและเสียชีวิต ครอบครัวต้องเผชิญปัญหาค่าใช้จ่ายสูงในการนำศพกลับ โดยในกรณีนี้ ครอบครัวต้องช่วยกันเรี่ยไรเงิน รวมกว่า 140,000 บาท เพื่อจ่ายค่าดำเนินการฝั่งกัมพูชา เช่น ค่าชันสูตร ค่าเก็บรักษาศพ และค่าขนส่ง ซึ่งใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์กว่าจะแล้วเสร็จ
ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน ภาคตะวันออก หรือที่รู้จักในชื่อ IMF กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งว่า กระบวนการชันสูตรศพในกัมพูชามักใช้เวลานาน โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องส่งศพไปตรวจสอบ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาศพพุ่งสูงขึ้น และกลายเป็นภาระหนักสำหรับครอบครัวผู้สูญเสีย
กรณีล่าสุด คือ รายของหญิงชาวจังหวัดพังงา วัย 26 ปี ซึ่งถูกแก๊งสแกมเมอร์ใช้ไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต เนื่องจากไม่สามารถทำยอดตามเป้าได้ ปัจจุบันศพอยู่ในความดูแลของสถานกงสุลใหญ่ไทยประจำเมืองสีหนุวิลล์ แต่ยังไม่สามารถกำหนดวันนำกลับได้ เนื่องจากติดขัดเรื่องค่าใช้จ่ายและเอกสาร
อ่านข่าวอื่น :











