วันที่ 15 พ.ย.2568 เวลา 10.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังอนุสาวรีย์วีรชน จตุรัสเทียนอันเหมิน
โดยมี นายซุน เว่ยตง (Mr. Sun Weidong) รมช.ต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายเหวิน เซี่ยน (Mr. Wen Xian) รองนายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่ง พล.ต.เหลียง เฟิง (Major General Liang Feng) รองผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์กรุงปักกิ่ง รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
โอกาสนี้ ประทับยืนหน้าพวงมาลา เพื่อทรงรับการถวายความเคารพจากนายทหารจีนผู้เชิญพวงมาลา
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินขึ้นไปยังฐานอนุสาวรีย์วีรชน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลา
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงคำนับและประทับยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่วีรชน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับพระประมุข ประมุข หัวหน้ารัฐบาล และคณะผู้แทนต่างประเทศระดับสูงที่เสด็จพระราชดำเนิน หรือเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ
อนุสาวรีย์วีรชน เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจตุรัสเทียนอันเหมิน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2501 เพื่ออุทิศแด่วีรชนที่สละชีวิตในการต่อสู้เพื่อชาติในหลายเหตุการณ์สำคัญของจีน
ด้านหน้าจารึกข้อความภาษาจีน “เหรินหมิน อิงส๋ง หย่งฉุย ปู้สิ่ว” สลักจากลายมือของนายเหมา เจ๋อตง อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความหมายถึง “เกียรติยศชั่วนิรันดร์จงมีแด่วีรชน” ด้านหลัง มีจารึกข้อความสดุดีวีรชน ที่สลักจากลายมือของนายโจว เอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน
เวลา 11.09 นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดหลิงกวง วัดเก่าแก่ในกรุงปักกิ่ง อายุกว่า 1,000 ปี ตลอดสองข้างทางมีพุทธศาสนิกชนชาวจีน รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ วงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงเพลงจีน
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง มีพระมหาคณาจารย์เหยี่ยนเจว๋ (Most Venerable Yanjue) ประธานพุทธสมาคมจีน (เทียบเท่าสมเด็จพระสังฆราชของไทย) พระอาจารย์ฉางจ้าง (Venerable Changzang) เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง รอรับเสด็จ พร้อมด้วยบุคคลสำคัญ และพุทธศาสนิกชนชาวจีน
ในการนี้ เสด็จพระราชดำเนินไปยังวิหารหยวนทง ทรงพระดำเนินเวียนขวาไปทรงสักการะพระพุทธรูปพระศากยมุนี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน และดอกไม้ธูปเทียนแพ บนโต๊ะหน้าแท่นบูชาพระพุทธรูปพระศากยมุนี
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปพระศากยมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ เนื้อโลหะลงรักปิดทอง พุทธศิลป์ไทยยุคสุโขทัย ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ประทานมาประดิษฐานที่วัดหลิงกวง ตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบัน เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนชาวจีน และชาวต่างประเทศ ที่เดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ วัดหลิงกวง
ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังวิหารชั้นล่างขององค์พระมหาเจดีย์ ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระเขี้ยวแก้ว ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีเพียง 2 องค์บนโลกมนุษย์ องค์ที่ 1 ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเขี้ยวแก้วกลางเมืองแคนดี้ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และองค์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่ ณ วัดหลิงกวง แห่งนี้
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายต้นไม้เงินทอง ต้นไม้เงิน และดอกไม้ธูปเทียนแพ ที่โต๊ะหน้าแท่นบูชา หน้าสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูป 3 องค์ คือ พระทีปังกรพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระเมตไตรยพุทธเจ้า
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ บรรพชิตจีนเจริญพระพุทธมนต์
ในการนี้ ประธานพุทธสมาคมจีน ถวายพระพุทธรูปพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเจ้าอาวาสวัดหลิงกวง ถวายประติมากรรมอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
จากนั้น ทรงพระดำเนินเวียนขวารอบฐานองค์พระมหาเจดีย์ ทอดพระเนตรภาพจำหลักไม้แสดงพุทธประวัติและพระอรหันต์ 500 พระองค์ โดยเจ้าอาวาสวัดหลินกวงนำเสด็จ พร้อมถวายคำบรรยาย
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระเขี้ยวแก้ว ที่วัดหลิงกวง รัฐบาลไทยเคยอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศไทย 2 ครั้ง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นการแสดงถึงความจริงใจและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของทั้ง 2 ประเทศ
โดยครั้งแรก ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา 5 ธ.ค.2555 ประดิษฐาน ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม
และครั้งที่ 2 ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสฉลองครบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2567
อ่านข่าว : "เล่นกับไฟย่อมมอดไหม้ด้วยไฟ" จีนกร้าว ห้ามญี่ปุ่นแทรกแซง "ไต้หวัน"
"พล.ท.อดุลย์" ชี้โซเชียลมีเดีย เครื่องมือ "นักรบยุคใหม่"
ปลดล็อกขายน้ำเมา คาดเงินสะพัด 3 พันล้าน - สังคมเรียกร้องโซนนิ่งควบคุม











