วันนี้ ( 19 พ.ย.2568) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ว่า เพิ่งรับรู้ข้อมูลตามสื่อต่าง ๆ แต่ทราบว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้เรียก ผบช.ภ.8 และรอง ผบช.ภ.8 มาประชุมด่วนเพื่อซักถาม ซึ่งทุกคนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมตำรวจที่ถูกร้องเรียน ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลดังกล่าว และหากจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องรอให้ ผบ.ตร.เป็นผู้สั่งการ
ตร.พร้อมรับการตรวจสอบ ขอ ปชช.ชั่งน้ำหนักข้อกล่าวอ้าง-ข้อเท็จจริง
รองจเรตำรวจแห่งชาติ ยังถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. พาดพิงว่าตำรวจหลายนายใช้บัญชีม้า เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินกันอย่างเป็นปกติ ว่า ตำรวจทุกนายรู้ว่าบัญชีม้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรม และอดีตรอง ผบ.ตร.ก็รู้ดีกว่าใครว่าการใช้บัญชีม้าเป็นช่องทางรับเงินของแก๊งคอลเซนเตอร์ และเป็นช่องทางฟอกเงินของการพนันออนไลน์ที่ใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ ฉะนั้นหากใครข้องเกี่ยวย่อมส่อไปในทางทุจริตเช่นเดียวกับลูกน้องของอดีตรอง ผบ.ตร.ที่ใช้บัญชีม้าหลายบัญชี เพื่อรับเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันและเงินที่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมรับการตรวจสอบและรับฟังเรื่องร้องเรียนจากประชาชน แต่อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนพิจารณา การรับฟังข้อมูลเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะจากอดีตข้าราชการที่ปัจจุบันมีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินจากเว็บพนัน ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนชั่งน้ำหนักระหว่างข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวอ้าง กับข้อเท็จจริงที่เป็นพยานหลักฐานและขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
ส่วนการเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างทำรายงานถึงผู้บังคับบัญชาถึงการไปปฏิบัติหน้าที่แทน พร้อมยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจในข้อกฎหมายและระเบียบที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นรูปแบบกระบวนการภายในกรรมาธิการ เนื่องจากมีการถ่ายทอดสด ทำให้ตนจำเป็นต้องให้ข้อมูลทันที ซึ่งไม่ตรงกับรายละเอียดในหนังสือเชิญ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตนเคารพต่อกระบวนการทำงานของกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร และยินดีที่จะเข้าไปตอบข้อซักถาม
"หนังสือเชิญจะต้องมีความชัดเจนว่าต้องการถามเรื่องใด ส่วนรูปแบบจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ยอมรับว่ามีความกังวลใจ เพราะในวันนั้นการที่ต้องเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับผู้ต้องหา ซึ่งเคยเป็นสมาชิกในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติและปัจจุบันยังเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รูปแบบนี้ควรจะเกิดในกระบวนการศาลมากกว่า อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหาแสดงกริยาอาการไม่เหมาะสม ตนเตรียมปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ ตร.ว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะเข้าข่ายก้าวร้าวหรือข่มขู่หรือไม่" รองจเรตำรวจแห่งชาติ กล่าว
อ่านข่าว : คนไทยเสียชีวิตเพิ่ม 1 คน โยงขบวนการคอลเซนเตอร์ในปอยเปต











