เกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามอย่าง "ฟูก๊วก" ถือเป็นบาดแผลรอยใหญ่ในความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งความพยายามในการเร่งพัฒนาเกาะแห่งนี้ในช่วงนี้ จะนำไปสู่ความบาดหมางครั้งใหม่ของทั้ง 2 ประเทสหรือไม่
"ฟูก๊วก" ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ที่เวียดนามต้องการยกขึ้นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทัดเทียมหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ จึงไม่แปลกที่รัฐบาลจะตัดสินใจใช้เมืองนี้เป็นสถานที่จัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ปี 2027 ซึ่งจะมีผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจ ทั้งสหรัฐฯ จีน รัสเซีย และภาคธุรกิจชั้นนำจากทั่วโลก ตบเท้าเข้าร่วมการประชุม
เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา นายกฯ เวียดนาม ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเตรียมรับงานใหญ่ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ หลังอนุมัติ 21 โครงการในฟูก๊วก มูลค่าการลงทุนแตะ 137 ล้านล้านดอง หรือกว่า 170,000 ล้านบาท ครอบคลุมตั้งแต่การเชื่อมโยงระบบคมนาคม ท่าเรือ สนามบิน ศูนย์ประชุม ไปจนถึงระบบสื่อสาร สาธารณูปโภค และอ่างเก็บน้ำ
ในเดือน ต.ค.2004 นายกฯ เวียดนามในขณะนั้นอนุมัติแผนแม่บทในการพัฒนาเกาะฟูก๊วก และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเงินลงทุนมหาศาลได้หลั่งไหลเข้าไปที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ จนทำให้ปัจจุบัน มีบริษัทบนเกาะนี้มากกว่า 4,400 แห่ง เพิ่มขึ้น 17 เท่าจากปี 2004 และมีทุนจดทะเบียนทะลุ 142 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้นกว่า 380 เท่า
เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ดึงดูดการลงทุนกว่า 321 โครงการ โดยเฉพาะจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ ทั้ง Vin Group และ Sun Group ขณะที่ปัจจุบัน รายได้หลักของเกาะนี้มาจากภาคการท่องเที่ยว และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศด้วย
ในเวลา 20 ปี ฟูก๊วกสร้างตัวจากเกาะที่ยากจน กลายมาเป็นศูนย์กลางการพัฒนาระดับประเทศ ซึ่งอาจมองได้ว่า นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลที่จะเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ และก้าวขึ้นเป็นเสือแห่งเอเชียผ่านการลงทุนก้อนโต ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งเป้าหมายใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องมีจีนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของจีนกับเวียดนามพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจสำคัญอยู่ที่ความร่วมมือด้านการเชื่อมต่อการคมนาคม โดยแม้จีนจะลงทุนในเวียดนามมากเป็นอันดับ 3 แต่ถ้านับแค่โครงการลงทุนใหม่ ๆ จีนถือเป็นเบอร์ 1 โดยเฉพาะการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อรถไฟของ 2 ประเทศ
ขณะที่การแลกเปลี่ยนการเยือนของ สี จิ้นผิง ปธน.จีน และ โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งเกิดขึ้นทุกปีในระยะหลัง ๆ มานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ที่อยู่บนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แม้ในด้านหนึ่ง เวียดนามจะพยายามถ่วงดุลอำนาจจีน-สหรัฐฯ ก็ตาม
แต่การพัฒนาฟูก๊วกจะนำไปสู่รอยร้าวครั้งใหม่หรือไม่ ?
การเร่งพัฒนาเกาะฟูก๊วก เพื่อต้อนรับผู้นำโลกในปี 2027 เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า เวียดนามกำลังถมทะเลสร้างถนนและสะพานเชื่อมแผ่นดินใหญ่ กับฟูก๊วกเป็นระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตร ซึ่งบางคน มองว่า นี่เป็นยุทธศาสตร์ของเวียดนามในการแก้เกมกัมพูชา หลังตระกูลฮุนเดินหน้าขุดคลองฟูนันเตโช โดยไม่สนเสียงคัดค้านจากเพื่อนบ้าน
จากกระแสข่าว ระบุว่า เมื่อเวียดนามสร้างถนนและสะพานเสร็จสิ้น จะทำให้กัมพูชาไม่สามารถเดินเรือขนส่งสินค้าเข้าออกประเทศได้อย่างอิสระตามที่หวังเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่กัมพูชาวาดฝันให้คลองฟูนันเตโชช่วยลดการพึ่งพิงเวียดนาม และลดต้นทุนการเดินเรือ เพราะจะเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่เชื่อมกรุงพนมเปญออกอ่าวไทย โดยไม่ต้องผ่านเวียดนาม
จุดที่น่าสนใจ คือ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเพิ่งออกมายืนยันว่า สนับสนุนให้กัมพูชาขุดคลองฟูนันเตโช เพื่อสยบข่าวลือเรื่องจีนเปลี่ยนจุดยืนในประเด็นนี้ และจีนจะเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 49 ดังนั้น ต้องจับตามองว่า เมื่อเวียดนามคัดค้านไม่เป็นผลและเลือกออกมาขวางด้วยวิธีนี้ จะกระทบอะไรต่อความสัมพันธ์ของเวียดนามกับจีนและกัมพูชาหรือไม่
เมื่อปีที่แล้ว มีเสียงลือว่า จีนอาจใช้คลองฟูนันเตโชเป็นเส้นทางเคลื่อนเรือรบเข้าประชิดพรมแดนเวียดนาม น่าจะเป็นหนึ่งในข้อกังวลสำคัญที่ยังไง ๆ เวียดนามก็คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด แม้กัมพูชาจะออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว แต่มองอีกด้านหนึ่ง กันไว้ย่อมดีกว่าแก้
วิเคราะห์โดย : ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์
อ่านข่าวอื่น :
DSI บุกห้องใต้บันได ตรวจโทรศัพท์ เส้นเงิน จนท. เร่งสืบประวัติ ผบ.เรือนจำ
หาดใหญ่น้ำท่วมยังวิกฤต หลายชุมชนขาดน้ำ-อาหาร รอความช่วยเหลือ











