วันนี้ (6 ธ.ค.2568) BBC รายงาน Netflix ประกาศปิดดีลครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการเข้าซื้อ ธุรกิจภาพยนตร์และสตรีมมิงของ Warner Bros Discovery มูลค่า 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท) ทำให้กลายเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของวงการบันเทิงยุคสตรีมมิง และเป็นการเฉือนชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง Comcast และ Paramount Skydance ที่ร่วมชิงซื้อครั้งนี้เช่นกัน
Warner Bros ถือครองแฟรนไชส์ระดับโลกจำนวนมาก เช่น Harry Potter, Game of Thrones รวมถึงบริการสตรีมมิง HBO Max ซึ่งการคว้ามาอยู่ในมือ Netflix จะทำให้บริษัทมีคลังคอนเทนต์ขนาดยักษ์ ทั้งจากภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการทีวีหลายทศวรรษ รวมกับคอนเทนต์ยอดนิยมของ Netflix เช่น Stranger Things หรือ Bridgerton
Ted Sarandos ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าวว่าบริษัท "มั่นใจมาก" ว่าดีลนี้จะผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล พร้อมย้ำว่านี่คือโอกาสที่จะกำหนดอนาคตของวงการบันเทิงในศตวรรษถัดไป ขณะที่ Greg Peters ซีอีโอร่วมอีกคนยืนยันว่าแบรนด์ HBO จะยังคงเป็นแบรนด์สำคัญ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าบริการสตรีมมิงจะรวมกันหรือปรับรูปแบบอย่างไร
Netflix ประเมินว่า การรวมกิจการครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนได้ 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์ (64,000-96,000 ล้านบาท) ส่วนใหญ่จากการลดส่วนทับซ้อนในด้านสนับสนุนและเทคโนโลยี ส่วนสายการผลิตภาพยนตร์ของ Warner Bros ยังจะเข้าฉายในโรงเหมือนเดิม และสตูดิโอทีวีจะยังสามารถผลิตผลงานให้บริษัทอื่นได้ต่อไป เหมือนที่ Netflix จะยังคงผลิตคอนเทนต์เฉพาะสำหรับแพลตฟอร์มของตนเองเช่นเดิม
ทางฝั่ง Warner Bros ซีอีโอ David Zaslav ระบุว่า การขายครั้งนี้จะผสาน 2 ค่ายเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเข้าด้วยกัน และทำให้คอนเทนต์ของบริษัทเข้าถึงผู้ชมได้กว้างกว่าเดิม เขาย้ำว่านี่คือการตัดสินใจเพื่ออนาคตระยะยาว แม้อาจสร้างความประหลาดใจให้ผู้ถือหุ้นบางรายก็ตาม
ดีลนี้เป็นการซื้อในรูปแบบเงินสดและหุ้น ที่ให้มูลค่าหุ้น Warner Bros อยู่ที่ 27.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น และมีมูลค่าทางกิจการรวม ประมาณ 82,700 ล้านดอลลาร์ โดยคณะกรรมการของทั้ง 2 บริษัทลงมติอนุมัติเป็นเอกฉันท์
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายแรงงานในฮอลลีวูดออกมาต่อต้านทันที โดย Writers Guild of America (WGA) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ "ระงับดีลนี้" โดยเตือนว่าจะทำให้เกิดการเลิกจ้างจำนวนมาก กดค่าจ้าง ลดความหลากหลายของคอนเทนต์ และทำให้ราคาค่าสมัครสมาชิกสตรีมมิงแพงขึ้น ด้าน Cinema United ซึ่งเป็นสมาคมโรงภาพยนตร์ เตือนว่าดีลนี้เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจโรงหนังทั่วโลกโดยเฉพาะโรงหนังอิสระขนาดเล็ก
การจัดซื้อยังเกิดขึ้นในช่วงที่ Warner Bros เตรียมแยกธุรกิจออกเป็นสองส่วน ได้แก่
- Discovery Global ดูแลช่องเคเบิล เช่น CNN, TNT Sports และช่อง Discovery ในยุโรป
- ฝ่ายสตรีมมิงและสตูดิโอ ที่ถูกขายให้ Netflix
ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อหลายรายย้ำว่า หากดีลผ่านจริง จะส่งผลระลอกใหญ่ต่อวงการฮอลลีวูด ทั้งโครงสร้างสตูดิโอ ปริมาณการผลิตคอนเทนต์ และราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่าย โดยหลายฝ่ายคาดว่า ค่าบริการ Netflix อาจแพงขึ้น ตามขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าเดิม
อ่านข่าวเพิ่ม :
FIFA มอบรางวัลสันติภาพแก่ "ทรัมป์" ยกย่องช่วยยุติสงครามหลายแห่ง











