ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อาณาจักรกัลฟ์พา "สารัชถ์" ครองแชมป์ 7 ปีซ้อนเศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ปี 68

เศรษฐกิจ
15:32
121
อาณาจักรกัลฟ์พา "สารัชถ์" ครองแชมป์ 7 ปีซ้อนเศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ปี 68
วารสารการเงินธนาคารจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 "สารัชถ์ รัตนาวะดี" จากกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ครองแชมป์ 7 ปีซ้อน มูลค่าหุ้น 1.89 แสนล้านบาท "นิติ โอสถานุเคราะห์" ทายาทโอสถสภา รั้งอันดับ 2 "หมอเสริฐ" ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ อันดับ 3 ท่ามกลางตลาดหุ้นผันผวนตลอดปี

วันนี้ (11 ธ.ค.2568) วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 32 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นในสัดส่วน ร้อยละ 0.5 ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 ก.ย.2568

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2568 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว

โดยสารัชถ์ถือครองหุ้นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.95 ประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน ร้อยละ 29.19 สูงเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 189,684.32 ล้านบาท และ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน ร้อยละ 0.65 มูลค่า 308.15 ล้านบาท

ความมั่งคั่งของสารัชถ์ในปีนี้ลดลงไปถึง 50,349.43 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้น GULF ณ วันที่ 30 ก.ย.2568 ซึ่งเป็นวันคำนวณมูลค่าเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 อยู่ที่ 43.50 บาท จากราคา 57.00 บาท ในปี 2567 โดยลดลงไป 13.50 บาท หรือ ร้อยละ 23.68

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองจะลดลงไปในปีนี้ แต่ตลอด 7 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2562-2568 มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองยังคงอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาททุกปี

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา ยังคงอันดับเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 47,313.08 ล้านบาท ลดลง 12,159.34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.45

สำหรับหุ้นในพอร์ตการลงทุนของนิติยังคงอยู่ใน 10 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ได้แก่ บมจ.โอสถสภา (OSP) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) บมจ.บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) บมจ.อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC) และ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA)

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยยังคงครองอันดับ 3 ไว้ได้อีกปี ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 33,062.33 ล้านบาท ลดลง 17,602.89 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 34.74 ประกอบด้วย หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ร้อยละ 9.18 และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ร้อยละ 11.38

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 และ เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ สองเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ซึ่งปีนี้ยังคงอันดับเดิม โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 4 ถือหุ้น MTC ร้อยละ 33.9 มูลค่า 29,160 ล้านบาท ลดลง 6,480 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18.18

ส่วน ชูชาติ เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 5 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 28,878.71 ล้านบาท ลดลง 6,561.89 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18.52 โดยถือหุ้น MTC ร้อยละ 33.49 และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ร้อยละ 2.32

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ โดยยังคงอยู่ในอันดับเดิมเหมือนปีที่แล้ว ถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ร้อยละ 5.81 และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) BA ร้อยละ 6.49 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 20,732.61 ล้านบาท ลดลง 10,210.61 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 33

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย ปีนี้ขยับขึ้นมาติดทำเนียบ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรก โดยขยับขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,088.53 ล้านบาท ลดลง 134.67 ล้านบาท ถือเป็นเศรษฐีหุ้นที่มูลค่าความมั่งคั่งลดลงน้อยที่สุดเพียง ร้อยละ 0.74 เมื่อเปรียบเทียบกับ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยด้วยกัน

สำหรับหุ้นที่ประทีบถือครองมีทั้งหมด 11 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้นทุกบริษัท ประกอบด้วยหุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ร้อยละ 34.53 บมจ.บางกอกแร้นช์ (BR) ร้อยละ 12.69 บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ) ร้อยละ 12.95 บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) ร้อยละ 4.23 บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ร้อยละ 3.16 บมจ.บ้านปู (BANPU) ร้อยละ 2.34 บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) ร้อยละ 2.04 บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ร้อยละ 1.97 บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ร้อยละ 1.95 บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ร้อยละ 1.47 และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ร้อยละ 0.78

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของเครือธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที กลับเข้าสู่ทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากเข้ามาเป็นปีแรกเมื่อปี 2566 โดยขยับขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้นรวมมูลค่า 17,208.38 ล้านบาท ลดลง 310.97 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 1.78

พอร์ตลงทุนของสุระในปีนี้มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 21 บริษัทเท่ากับปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงตัวหุ้นเล็กน้อย ซึ่งหุ้นที่ยังคงถือครองเหมือนปีที่แล้ว 16 บริษัท ได้แก่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ร้อยละ 25.05 บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) ร้อยละ 0.81 บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) ร้อยละ 7.00 บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) ร้อยละ 6.77 บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ร้อยละ 6.20 บมจ.นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) ร้อยละ 4.27 บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ร้อยละ 3.82 บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ร้อยละ 2.71

บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) ร้อยละ 2.59 บมจ.ซีเอ็มโอ (CMO) ร้อยละ 1.94 บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) ร้อยละ 1.11 บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) ร้อยละ 0.87 บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ร้อยละ 0.83 บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) ร้อยละ 0.6 บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) ร้อยละ 0.56 และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ร้อยละ 0.52

ส่วนหุ้นที่ถือเพิ่มในปีนี้มี 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ร้อยละ 4.72 บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) ร้อยละ 2.11 บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) ร้อยละ 1.05 บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) ร้อยละ 0.72 และ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ร้อยละ 0.66

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) หล่นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 16,063.10 ล้านบาท ลดลง 3,395.31 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 17.45 ประกอบด้วย หุ้น BTS ร้อยละ 31.73 กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ร้อยละ 2.14 และ บมจ.ซุปเปอร์ เทอร์เทิล (TURTLE) ร้อยละ 1.64

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หรือ หมอพงศ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้งคลินิกเสริมความงาม "พงศ์ศักดิ์คลีนิค" นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 15,404.11 ล้านบาท ลดลง 1,796.82 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10.45

ปีนี้หมอพงศ์ศักดิ์กลับเข้ามาติด TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากที่หล่นไปอยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่เหมือนกับปีที่แล้วมี 10 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ร้อยละ 19.81 บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) ร้อยละ 9.96 บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) ร้อยละ 9.06 บมจ.นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) ร้อยละ 4.86 บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) ร้อยละ 4.20 บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) ร้อยละ 3.68 บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ร้อยละ 3.48 บมจ.เฮลท์ลีด (HL) ร้อยละ 1.15 บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ร้อยละ 0.94 และ บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ร้อยละ 2.86

ส่วนหุ้นที่มีเพิ่มในพอร์ตปีนี้มี 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) ร้อยละ 9.08 บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) ร้อยละ 2.18 บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ร้อยละ 1.64 และ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) ร้อยละ 0.71

5 อันดับ ตระกูลเศรษฐีหุ้น 2568

ปี 2568 นี้ ตระกูลรัตนาวะดี ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี ยังคง ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยมีความมั่งคั่งรวม 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.95

อันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยเครือญาติรวม 48 คน ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 70,933.48 ล้านบาท ลดลง 20,614.23 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 22.52

อันดับ 3 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 65,049.21 ล้านบาท ลดลง 37,630.57 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 36.65

อันดับ 4 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ โดย 14 เครือญาติถือครองหุ้นรวมมูลค่า 60,231.20 ล้านบาท ลดลง 15,411.74 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 20.37

อันดับ 5 ตระกูลเพ็ชรอำไพ โดยเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ดาวนภา-ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 58,038.71 ล้านบาท ลดลง 13,041.89 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18.35

อ่านข่าวอื่น :

รับสมัครแล้ว! "บัตรทองทรัมป์" วีซาทางลัดจ่าย 1 ล้านอยู่สหรัฐฯ ถาวร

ตร.ตรวจบ้าน "นัทปง" หาหลักฐานเพิ่ม เรียกพยานในช่วงเกิดเหตุชี้จุด