วันนี้ (11 ธ.ค.2568) ชาวไทยบางส่วนที่ติดอยู่ในกัมพูชายังคงรอคอยการกลับเข้าประเทศ โดยทางการกัมพูชายังไม่อนุมัติให้ข้ามแดนถาวรผ่านด่านบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ส่งผลให้การเดินทางเข้าออกทางบกไม่สามารถทำได้ตามปกติ ชาวไทยจำนวนมากจึงต้องหันมาใช้ทางอากาศเป็นทางเลือกหลักในการกลับบ้าน โดยพบว่าอัตราการจองตั๋วเที่ยวบินขากลับประเทศไทยสูงกว่าขาไปกัมพูชาอย่างเห็นได้ชัด
จากการตรวจสอบเที่ยวบินระหว่างไทยและกัมพูชา "การบินไทย" ยังคงให้บริการปกติ โดยมีเที่ยวบินไปยังสนามบินเตโช กรุงพนมเปญ ทุกวัน ไป-กลับ วันละ 2 เที่ยวบิน และไปยังเสียมเรียบ ไป-กลับ วันละ 1 เที่ยวบิน โดยใช้เครื่องบินรุ่น A320 ซึ่งมีที่นั่งให้บริการประมาณ 174 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินขาไปยังมีผู้โดยสารเพียงครึ่งเดียว แต่เที่ยวบินขากลับกลับเต็มเกือบทุกที่นั่ง
นอกจากนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียใช้เครื่องบินรุ่น A320 ที่มีที่นั่งประมาณ 180 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน ให้บริการไปยังสนามบินเตโช ทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน และไป-กลับเสียมเรียบ อีกวันละ 3 เที่ยวบิน
ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ใช้เครื่องบินรุ่น A319 ซึ่งมีที่นั่งประมาณ 140 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทางไป-กลับสนามบินเตโช วันละ 1 เที่ยวบิน และสำหรับเส้นทางไป-กลับเสียมเรียบ ใช้เครื่องบินรุ่น ATR ซึ่งมีที่นั่งประมาณ 70 ที่นั่ง ไป-กลับวันละ 3 เที่ยวบิน
ในเพจกลุ่มคนไทยในกัมพูชา มีการประกาศบริการรถเหมาส่งผู้โดยสารไปยังสนามบินเสียมเรียบและสนามบินเตโช เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย แต่ผู้ให้บริการเปิดเผยว่าปัจจุบันยังมีผู้ใช้บริการไม่มากนัก เนื่องจากบางรายเพิ่งต่อวีซาเข้าประเทศกัมพูชา จึงเลือกที่จะรอให้ครบกำหนดวีซ่าก่อน แล้วค่อยจองตั๋วเครื่องบินกลับไทย
ขณะเดียวกัน ชาวไทยส่วนใหญ่ที่อยากกลับบ้านได้เดินทางไปรอรวมตัวกันที่บริเวณหน้าด่านชายแดนจำนวนมาก แต่ทางการกัมพูชายังคงไม่เปิดให้ข้ามแดนเข้าประเทศไทย สถานการณ์นี้สอดคล้องกับข้อมูลจากนายโชติช่วง ศูรางกูร อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ซึ่งเปิดเผยว่า ในอดีตผู้ประกอบการท่องเที่ยวเคยจัดโปรแกรมทัวร์ไปยังกัมพูชา เช่น เยือนนครวัดที่เสียมเรียบ
แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อช่วงกลางปี คาดว่าผู้ประกอบการได้ยกเลิกทัวร์ไปกัมพูชาทั้งหมดแล้ว เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
อ่านข่าวอื่น :
UNESCO เตือน 2 ชาติ เคารพ กม.ระหว่างประเทศ ปกป้อง "ปราสาทพระวิหาร"











