วันนี้ (13 ธ.ค.2568) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังคงปิดโรงพยาบาล 12 แห่ง และ รพ.สต.205 แห่ง เท่าเดิม มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 690 ราย
ขณะที่ศูนย์พักพิงมีการเปิดเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 970 จุด ผู้เข้าพักรวม 263,105 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 68,314 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก 0-5 ปี อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มี 302 ราย ได้จัดให้มีการคัดกรองสุขภาพทุกรายและติดตามตามอายุครรภ์อย่างใกล้ชิด หากพบภาวะเสี่ยงจะส่งต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อให้ทั้งแม่และทารกปลอดภัย
นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า การดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงขณะนี้ นอกจากการจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมุ่งเน้น 2 ส่วนสำคัญ คือ การเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่าง ๆ เนื่องจากมีประชาชนมาอยู่รวมกันจำนวนมาก โดยเริ่มมีรายงานพบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคระบบทางเดินอาหารเพิ่มขึ้นในบางจุด ซึ่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคยังสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้
การดูแลสุขภาพจิต โดยจัดระบบคัดกรองชิงรุกด้วยแบบประเมินมาตรฐาน เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเครียดและมีความเสี่ยงทำร้ายตนเอง จากการคัดกรองไปแล้ว 183,104 ราย พบเครียดสูง 1,798 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเอง 252 ราย ทุกรายได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ ดูแลตามกระบวนการและติดตามอย่างต่อเนื่อง จนกว่าอาการจะดีขึ้น
ส่วนบุคลากร เบื้องต้นคัดกรองสุขภาพจิตแล้ว 239 ราย ยังไม่พบมีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีแนวทางดูแลเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจระยะยาวด้วย
อ่านข่าว : รัฐบาลประณาม "กัมพูชา" กรณีใช้ BM-21 ยิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนเขตแดนไทย
ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย เจ็บ 3 นาย "เนิน 677 - ช่องอานม้า" จ.อุบลราชธานี











