ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผกก.กลุ่มงาน EOD เผยเหตุระเบิดราชประสงค์ "ต่อวงจรแบบมืออาชีพ" เคยพบหลายครั้งในไทย

อาชญากรรม
18 ส.ค. 58
05:03
415
Logo Thai PBS
ผกก.กลุ่มงาน EOD เผยเหตุระเบิดราชประสงค์ "ต่อวงจรแบบมืออาชีพ" เคยพบหลายครั้งในไทย

ความคืบหน้าการตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ของหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด (อีโอดี) วันนี้ (18 ส.ค.2558) ผู้กำกับกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ลักษณะการประกอบระเบิดจุดชนวนด้วยการตั้งเวลา มีการต่อวงจรแบบมืออาชีพ ซึ่งมักพบว่าเป็นการกระทำของคนต่างชาติและเคยพบก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่ในประเทศไทยแต่ยังไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า ลักษณะของระเบิดจุดชนวนด้วยการตั้งเวลา มีการต่อวงจรแบบมืออาชีพ ซึ่งลักษณะเช่นนี้มักพบว่ามีการประกอบขึ้นมาในกลุ่มชาวต่างชาติ ส่วนการต่อวงจรระเบิดชนิดนี้เคยพบก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่ในประเทศไทย แต่ยังไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

"เหตุระเบิดที่มีความสมบูรณ์และเราหาวัตถุพยานไม่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายกรณี" พ.ต.อ.กำธรระบุ

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมสรุปสถานการณ์เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ เพื่อตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน หลังให้ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิดตรวจพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศยอมรับว่าการสืบสวนเพื่อหาคนที่เกิดเหตุจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาแต่ไม่กำหนดกรอบการทำงาน เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้มาเพียงพอ จึงจะสามารถระบุกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ ส่วนพยานหลักฐานขณะนี้ยอมรับว่าแม้ระเบิดครั้งนี้จะทำงานสมบูรณ์แบบและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงถึงตัวผู้กระทำผิดได้โดยตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง และความขัดแย้งเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์อุยเกอร์ ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ส่งตัวชาวอุยเกอร์กลับไปยังประเทศจีน

"เราทุ่มเทเต็มที่จะพยายามคลี่คลายเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว แต่ต้องขอเวลาเพราะระเบิดที่เกิดขึ้นมีความรุนแรง ใช้วัตถุต่างๆ ที่ประกอบอย่างดี และระเบิดทำงานสมบูรณ์แบบ คือไม่ทิ้งร่องรอยหรือหลักฐานใดๆ ไว้" ผบ.ตร.ระบุ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังเปิดเผยด้วยว่าขณะนี้ได้เตรียมการเชิญตัวแทนทูตต่างชาติเข้าชี้แจงเพื่อสร้างความมั่นใจหลังเกิดเหตุระเบิดครั้งนี้ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กลับคืนมา
ขณะที่ พล.ต.ท.มนูญ เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานเปิดเผยว่าเข้าตรวจเหตุแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่เมื่อคืน (17 ส.ค.2558) ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าวันนี้ โดยเบื้องต้นได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุเพื่อนำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ในการเปรียบเทียบหาตัวผู้ต้องสงสัย

พนักงานโรงแรมไฮแอทเอราวัณซึ่งเมื่อวานที่มีการทำงานภายในโรงแรมใกล้จุดเกิดเหตุ และพบเหตุการณ์ก็ยังคงเดินทางมาทำงานเป็นปกติ แม้ว่าคนในครอบครัวจะแสดงความเป็นห่วง รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่หยุดงานเพราะมีความกลัว แต่เธอก็ยังยืนยันว่ายังคงเชื่อมันในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งคืนในการตรวจสอบพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน

ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีที่มาเที่ยวในไทยมากว่า 10 วัน แสดงความเชื่อมั่นหากตำรวจและเจ้าหน้าที่มีมาตรการความปลอดภัยที่ชัดเจนก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง