ภาพจำลอง "ไปป์บอมบ์" ซึ่งผู้ก่อเหตุใช้ที่แยกราชประสงค์

อาชญากรรม
20 ส.ค. 58
14:54
82
Logo Thai PBS
ภาพจำลอง "ไปป์บอมบ์" ซึ่งผู้ก่อเหตุใช้ที่แยกราชประสงค์

จากข้อมูลของฝ่ายสืบสวนระบุว่า ระเบิดน้ำหนัก 5 ปอนด์ ส่วนวิธีการจุดระเบิดอยู่ระหว่างตรวจสอบ สำหรับภาชนะบรรจุเชื่อว่าเป็นท่อเหล็กหรือ"ไปป์บอมบ์" ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายได้ไกลถึง 100 เมตร

วันนี้ (20 ส.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหา อาจจะต้องแกะรอยจากการประกอบระเบิดเป็นส่วนสำคัญ สิ่งที่ฝ่ายสืบสวนชี้ชัดแล้วคือ ระเบิดน้ำหนัก 5 ปอนด์ วิธีการจุดระเบิดอยู่ระหว่างตรวจสอบแต่เชื่อว่า เป็นตัวตั้งเวลา โดยทั่วไปการจุดระเบิดแสวงเครื่องมี 3 รูปแบบ คือ การตั้งเวลา เหยื่อกระทำเช่นเดินเตะหรือบรรจุในกล่องเมื่อเปิดจึงระเบิด และวิธีการสุดท้ายคือ บังคับจุด อาจจะเป็นรีโมท หรือการลากสาย รอเวลาที่เหมาะสมจึงจุด วัตถุระเบิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อาจจะเป็นทีเอ็นทีหรือซีโฟร์ ส่วนภาชนะบรรจุเชื่อว่าเป็นท่อเหล็ก หรือไปป์บอมบ์ ลักษณะคล้ายแบบนี้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนแล้วคือสะเก็ดระเบิด ใช้ลูกปรายเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6 ซ.ม.

เมื่อระเบิดทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ลูกปรายหรือบอลแบริ่งจะกระจายออกไปทุกทิศทาง ไม่ต่างจากการสาดกระสุนปืน ขนาดที่เล็ก แข็ง และรูปทรงกลม ยิ่งทำให้มันเดินทางไกลกว่าการใช้เหล็กตัดหรือตะปูสามารถทะลุทะลวงได้ดี ต้นแบบวิธีการใช้เคยเจอในสหรัฐหรือยุโรป

รัศมีของระเบิด 5 ปอนด์ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อาจจะสร้างความเสียหายได้ไกลถึง 100 เมตร ทุกทิศทุกทางทั้งด้านข้างและด้านบน เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจที่โรงพยาบาลตำรวจ ห้างเกษรพลาซ่า ชั้น 2 ชั้น 3 กระจกทางเดินสกายวอล์คแตก เปลวไฟพุ่งสูงกว่ารางรถไฟฟ้าบีทีเอส

รวมถึงกระจกของโรงแรมแกรนไฮแอทเอราวัณ หลังศาลท้าวมหาพรมแตก โดยปกติสิ่งที่จะสร้างความเสียหายเมื่อระเบิดทำงานประกอบด้วย 3 ส่วน คือสะเก็ดระเบิด เปลวไฟ และแรงอัด ความรุนแรงขึ้นอยู่กับน้ำหนักของระเบิดและระยะห่างของคนหรือสิ่งของ วิธีการประกอบระเบิดลักษณะนี้จะเป็นชาวต่างชาติจริงหรือไม่ตำรวจยังไม่สรุป แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งปฏิเสธไม่ได้คือ เคยมีเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติมาเกี่ยวข้องกับระเบิดในประเทศไทย

กดถูกใจหน้าเพจ ThaiPBSNews
https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl


ข่าวที่เกี่ยวข้อง