ปธน.เกาหลีใต้ยืนกรานให้เกาหลีเหนือขอโทษที่เข้ามาวางระเบิด-เกิดสงครามจิตวิทยาแห่สมัครทหารร่วมรบ
น.ส.ปาร์ค กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่าต้องการให้เกาหลีเหนือขอโทษกรณีที่แอบเข้ามาวางกับระเบิดในเขตปลอดทหารจนทำให้ทหารเกาหลีใต้ 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้เกาหลีเหนือจะต้องดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ยั่วยุเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมยืนยันว่าเกาหลีใต้จะใช้มาตรการที่เหมาะสม และจะดำเนินการกระจายเสียงโฆษณาการชวนเชื่อไปฝั่งเกาหลีเหนือต่อไปจนกว่าเกาหลีเหนือจะยอมขอโทษ
ด้านนายคิม มิน ซอค โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงว่าในขณะที่การเจรจาระหว่างผู้แทนระดับสูงของเกาหลีทั้ง 2 ฝ่ายยังคงดำเนินอยู่ เกาหลีเหนือกลับเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงคราม โดยเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำมากกว่า 70 ลำ หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของทั้งหมดที่เกาหลีเหนือมีอยู่ออกจากฐานทัพ พร้อมทั้งเสริมกำลังทหารเพิ่มเป็น 2 เท่าบริเวณชายแดนที่ติดกับเกาหลีใต้ ส่งผลให้สถานการณ์บริเวณชายแดนตึงเครียดมาก และขณะนี้เกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกากำลังทบทวนถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการวางยุทธศาสตร์ร่วมกันเพื่อรับมือกับปัญหานี้ โดยในขณะนี้มีทหารอเมริกัน จำนวน 28,500 นาย เข้าร่วมการซ้อมรบกับทหารเกาหลีใต้
ไม่เพียงแต่มีความเคลื่อนไหวทางการทหารเท่านั้น เกาหลีเหนือยังใช้วิธีการรายงานข่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามจิตวิทยา โดยพยายามสะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติของชาวเกาหลีเหนือ ซึ่งเมื่อวานนี้สถานีโทรทัศน์เคอาร์ทีของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่าคนหนุ่มสาวในเกาหลีเหนือประมาณ 1 ล้านคน สมัครขอเข้าร่วมหรือกลับมาเข้าร่วมกับกองกำลังประชาชนเกาหลีอีกครั้ง โดยรายงานคำให้สัมภาษณ์ของประชาชนที่ต่างพูดถึงเกาหลีใต้ด้วยความโกรธแค้นและต้องการกำจัดสหรัฐอเมริกากับเกาหลีใต้ให้พ้นไปจากคาบสมุทรเกาหลี ในขณะที่กำลังพลสำรองของเกาหลีใต้จำนวนมากได้โพสต์ภาพและข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ว่าพวกเขาต้องการกลับเข้าร่วมกับกองทัพอีกครั้ง เพราะต้องการต่อสู้เพื่อชาติ
ส่วนการเจรจาระหว่างผู้แทนระดับสูงของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาที่หมู่บ้านปันมุนจอม จนถึงวันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรลุข้อตกลงใดๆ ร่วมกันได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าผลการเจรจาที่ดีที่สุดที่น่าจะบรรลุร่วมกันได้ คือทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะเปิดการเจรจาในระดับสูงกันอีกในอนาคต เช่นการเจรจาในระดับรัฐมนตรีกลาโหม แต่ไม่น่าจะได้ข้อยุติในประเด็นเรื่องการกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างใด