เส้นทางหลักใน กทม.หลายสายเริ่มใช้การได้ปกติ
ปริมาณน้ำบนถนนสายหลักทางฝั่งเหนือของกรุงเทพมหานคร เช่น ถนนวิภาวดีรังสิตตั้งแต่หลังแนวคันกั้นน้ำที่สร้างโดยกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็ก ที่บริเวณสนามบินดอนเมือง แม้จะมีการรื้อคันบางส่วนออก เป็นแนวประมาณ 10 เมตร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมากนัก เพราะพื้นที่ด้านบนและด้านล่างของคันกั้นน้ำยังอยู่ในระดับต่างกันกว่า 30 เซนติเมตร
ขณะที่พื้นที่ด้านล่างคันกั้นน้ำค่อนข้างชัดเจนว่าปริมาณน้ำลดลงอย่างมากเฉลี่ยอย่างน้อย 10-20 เซนติเมตร ถนนบางช่วงสามารถใช้การได้แล้ว แต่สำหรับในชุมชนริมถนนวิภาวดีรังสิต ยังคงวิกฤตต่อไป เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ส่วนบนถนนพหลโยธินยังมีน้ำท่วมขังบนผิวจราจร แต่หลายจุดเริ่มลดระดับลงจนรถเล็กสัญจรได้แล้ว โดยตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร พร้อมตำรวจท้องที่ ได้ลงปรับผิวจราจรเพื่อเตรียมความพร้อมการให้บริการแล้ว เช่น ที่บริเวณสี่แยกรัชโยธินที่ขณะนี้แม้จะมีน้ำท่วมขังบนผิวการจราจร 10-20 เซนติเมตร แต่พบว่าประชาชนนำรถยนต์ส่วนตัวออกมาใช้แล้ว แต่จะวิ่งได้ถึงแค่หน้าห้างเมเจอร์ รัชโยธินเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่ต่อเนื่องไปยังแยกเกษตร ยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ เช่นเดียวกับพื้นที่ในชุมชน ซอยเสนานิคม ที่น้ำยังท่วมสูงถึง 50 เซนติเมตร
ขณะที่สถานการณ์น้ำทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาแม้จะมีความกังวลว่าการเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์เพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร ตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง จะส่งผลต่อพื้นที่เขตบางกะปิ วังทองหลาง และมีนบุรี แต่จนถึงขณะนี้ปริมาณน้ำในพื้นที่ทั้ง 3 จุดยังทรงตัว บางจุดทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในเขตชุมชน โดยระดับน้ำเฉลี่ยในย่านนี้อยู่ที่ 15-50 เซนติเมตร
สำหรับการจัดการด้านการจราจรขณะนี้บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ทางพิเศษ และทางด่วนเกือบทุกแห่งตำรวจได้จัดระเบียบรถที่นำมาจอดไม่ให้จอดรถซ้อนคัน หรือจอดในจุดทางแยกใกล้ทางขึ้นลง เนื่องจากอาจกีดขวางการจราจร จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ เบื้องต้นมีรายงานว่า บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่มีรถจอดหนีน้ำอยู่กว่า 720 คัน มีประชาชนมาย้ายออกแล้ว 400-500 คัน และตำรวจดำเนินการเคลื่อนย้ายให้อีก 50-60 คัน ส่วนที่เหลือได้ทำการจัดระเบียบให้กระทบต่อการสัญจรน้อยที่สุดแล้ว
ส่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่าจากการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนนำรถมาจอด ขณะนี้พบว่ามีผู้นำรถมาจอดเป็นจำนวนมาก บางจุดเป็นจุดอันตราย บางจุดกีดขวางการจราจร ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด อาจเกิดอุบัติเหตุอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้
ทั้งนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงต้องขอความร่วมมือให้ผู้ที่นำรถมาจอดในพื้นที่ ห้ามจอด หรือ จอดกีดขวางการจราจร จอดรถซ้อนคัน จอดรถบริเวณทางเลี้ยว ทางโค้ง ทางขึ้น-ลง อาคารจอดรถ ให้มานำรถกลับไป หรือ รายใดยังประสบสภาวะน้ำท่วม ก็ขอให้มาเคลื่อนย้ายรถไปจอดในที่ที่ ท่าอากาศยานฯจัดเตรียมไว้ เช่น ลานจอดรถระยะยาว ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ เพื่อความปลอดภัย ไม่กีดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง การจราจรภายใน ท่าอากาศยานฯ หากพ้นจากวันดังกล่าว ท่าอากาศยานฯ จะดำเนินการเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่เหมาะสม
ส่วนผู้ที่มาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถนำรถไปจอดได้ที่ลานข้างหอบังคับการบิน ซึ่งจอดรถได้ราว 400 คัน แต่จอดได้คราวละไม่เกิน 12 ชั่วโมง