ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

คำไต่สวน "พยานเบิกความ" คดี "ทักษิณ" ชั้น 14 รพ.ตำรวจ

อาชญากรรม
18:13
274
คำไต่สวน "พยานเบิกความ" คดี "ทักษิณ" ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
พยานเบิกความยัน เห็น "ทักษิณ" ใส่ชุดนักโทษ ศาลไต่สวนพยานกลุ่มแพทย์ พยาบาล 5 ปาก แจงมีประวัติต่างประเทศป่วย 10 โรค เจ็บหน้าอก ควรส่งรักษารพ.ภายนอก นัดเรียก 2 แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ-แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต่สวน 18 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกศาลพิพากษาจำคุกแต่ได้มีการส่งตัวนายทักษิณไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

โดยศาลไต่พยานฝ่ายผู้ร้องจำนวน 5 ปาก เป็นบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ซึ่งทำการตรวจรักษานายทักษิณ

หมอราชทัณฑ์ เผยประวัติต่างประเทศ “ทักษิณ”ป่วย 10 โรค

พยานปากแรกคือ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ประจำโรง พยาบาลราชทัณฑ์ เบิกความสรุปว่า ได้รับมอบหมายให้ตรวจร่างกายนายทักษิณซึ่งเป็นผู้ต้องขังรับใหม่ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในเวลาประมาณ 11.00 น. และพบว่านายทักษิณมีประวัติการรักษาจากต่างประเทศ 10 โรค

และนายทักษิณแจ้งว่ามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียจากการเดินขึ้นบันไดมา เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว หัวใจปกติ แต่แขนขาอ่อนแรง และที่อนุญาตให้ส่งตัวนายทักษิณไปยังโรงพยาบาลภายนอกเพราะทางพยาบาลแจ้งอาการแล้ว เห็นว่าทางพยาบาลอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยมากกว่า โดยโรคที่เป็นโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีเครื่องมือและแพทย์เฉพาะทาง

รวมถึงไม่มียาที่ผู้ป่วยต้องใช้ จึงเห็นควรให้ส่งไปรักษานอกเรือนจำ

ส่วนกรณีใบส่งตัวเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ใบนำส่งตัวจะเขียนในกรณีโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพรักษาแต่จะให้ส่งตัวเวลาราชการ และไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นวันไหน

และไม่ได้เป็นผู้บอกว่าจะต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจเพราะไม่ทราบว่าโรงพยาบาลไหนจะสามารถรับตัวผู้ป่วยได้ และหลักการส่งตัวยึดมาตั้งแต่ปี 2563 และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก

แพทย์เวรแจงส่ง “ทักษิณ” รักษาภายนอกหน้าที่เรือนจำ

ขณะที่ นพ.นทพร ปิยะสิน แพทย์เวรประจำวัน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เบิกความว่า ตนเป็นแพทย์นอกเวลาและไม่ได้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ช่วงวันที่ 22 ส.ค. ตนเข้าเวร 16.30 น. ถึง 08.30 น.ของอีกวัน ปรากฎว่าวันดังกล่าวมีพยาบาลโทรมาแจ้งอาการของนายทักษิณ

จึงให้ความเห็นไปว่า เมื่อวินิจฉัยประกอบกับประวัติการรักษาจากต่างประเทศแล้ว มีอาการจากโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ จึงเห็นควรปรึกษาแพทย์คนแรกที่ตรวจร่างกายนายทักษิณเมื่อตอนที่รับเข้าเรือนจำ และส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก

หากไม่ได้นำส่งจะมีความเสี่ยงกับตัวผู้ป่วย อีกทั้งโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพไม่พอ ประกอบกับเงื่อนไขของเวลา โดยพิจารณาความเห็นจากพยาบาลที่โทรเข้ามาเพียงอย่างเดียว เพราะว่าไม่ทราบว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพอยู่บริเวณไหน

ยืนยันว่าตนมีหน้าที่ให้ความเห็นทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการส่งตัวออกไปรักษาภายนอกเป็นหน้าที่ของเรือนจำ

พยานยัน “ทักษิณ”เปลี่ยนชุดนักโทษ-แจ้งเจ็บหน้าอก

ด้านพยานปากที่ 3 นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดสุโขทัย เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุตนเป็นพยาบาลที่สถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทำหน้าที่ตั้งแต่ 8.00-16.30 น. และอยู่เวรต่อเนื่องจนถึงเวลา 08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น

และได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ต้องขังภายในสถานพยาบาลรวมถึงนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังใหม่ในกลุ่ม 608 และนายทักษิณได้ถูกควบคุมตัวที่ห้องกักโรค ซึ่งแพทย์สั่งให้ติดตามอาการทุก 4 ชั่วโมง

ในตอนนั้น นายทักษิณอยู่ในห้องเพียงคนเดียวและได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดนักโทษแล้ว

ต่อมาเวลา 22.00 น. นายทักษิณแจ้งว่า มีอาการแน่นหน้าอก” จึงแจ้งไปยังแพทย์เวรโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่มีความเห็นว่าเห็นควรส่งไปโรงพยาบาลภายนอกเนื่องจากรู้ว่าศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่พอ จึงโทรไปหาพญ.รวมทิพย์ เพื่อขออนุญาตใช้ใบส่งตัว ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลา 2 ชั่วโมงและแจ้งพัศดีเวรตลอด ระหว่างที่รอส่งตัวได้แนะนำวิธีปฏิบัติตัวให้นายทักษิณทราบ

หลังจากนั้นจึงมีพัศดีประคองนายทักษิณไปขึ้นรถพยาบาลของเรือนจำโดยใช้เวลา 20 นาที เมื่อถึงโรงพยาบาลตำรวจมีเจ้าหน้าที่มารับ ไม่ทราบว่านำนายทักษิณไปยังห้องฉุกเฉินหรือไม่ 

ส่วนตนไปเปิดเวชระเบียน และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้นำเวชระเบียนขึ้นไปให้พยาบาลที่ชั้น 14 จึงทราบว่า นายทักษิณอยู่ที่นั่นแล้วแต่ไม่ทราบว่าอยู่ห้องไหนแต่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เฝ้าอยู่

ทั้งนี้จากประสบการณ์ทำงานถ้าเป็นโรคเฉพาะทางที่ราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการรักษาจะส่งตัวออกไปรักษาโรงพยาบาลภาย นอก ส่วนที่ไม่ส่งไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์แม้จะห่างกันไม่มากเกรงว่าหากไปส่งจะทำให้เสียเวลามากขึ้นจากการเตรียมอุปกรณ์และรถไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง

แจงปรึกษาแพทย์เวร เห็นควรส่งรักษาภายนอก

นอกจากนี้ นายทักษิณไม่มียาโรคประจำตัวติดตัวเนื่องจากญาติยังไม่ส่งเข้ามาให้ แม้จะโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะมียารักษาแต่ก็เป็นคนละชนิดกับที่ผู้ป่วยใช้รักษา ส่วนอาการจะกำเริบแค่ไหนอยู่ที่ผู้ป่วยควบคุมการกินยาได้ตรงเวลาหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนปรึกษาแพทย์เวร แล้วและให้ความเห็นว่าควรส่งตัวไปรักษาภายนอกเช่นโรงพยาบาลตำรวจซึ่งปกติจะส่งไปที่นี่บ่อยเนื่องจากได้ทำ MOU ไว้

ส่วนพยานอีก 2 ปาก เป็นพยาบาลที่ได้รับการติดต่อให้เข้ามาช่วยเหลือในการตรวจร่างกายแต่สุดท้ายแพทย์ไม่ได้เรียกตัวเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งคู่อยู่ภายนอกห้องตรวจ

ศาลเลื่อนนัดไต่สวน8 ก.ค. สอบปากคำแพทย์ใหญ่ 18 ก.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาศาลได้อ่านกระบวนพิจารณาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวันนี้นัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ และทนายจำเลย มาศาล

ส่วนจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลไม่มาฟังการพิจารณา ศาลไต่สวนพยานได้ 5 ปาก ให้เลื่อนไปไต่สวนในวันที่ 8 ก.ค. เวลา 9.00น. ตามที่นัดไว้เดิม

อนึ่ง มีการนำข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของพยานซึ่งศาลไต่สวนในนัดก่อนออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในลักษณะคำต่อคำผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้พยานบุคคลที่จะมาเบิกความในลำดับถัดไปทราบข้อเท็จจริงที่พยานคนก่อนได้เบิกความไว้ และอาจทำให้ศาลไต่สวนแล้วได้ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

รวมถึงอาจมีการนำคำเบิกความของพยานดังกล่าวไปวิเคราะห์หรือให้ความเห็นในทางคดีจนก่อให้เกิดความสับสนแก่สังคมได้ ประกอบกับข้อมูลด้านสุขภาพของจำเลยเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ศาลให้คู่ความและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีงดเว้นการเผยแพร่โฆษณาคำเบิกความพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ศาลไต่สวน

และศาลได้นัดเพิ่มในวันที่ 18 ก.ค.2568 จะเป็นแพทย์ใหญ่และแพทย์เจ้าของไข้จากโรงพยาบาลตำรวจ 2 คน คือ พล.ต.ต.นพ.ศุภฤกษ์ (สงวนนามสกุล) และ พล.ต.ท.นพ.สุรพล (สงวนนามสกุล) เข้ามาเบิกความ และวันที่ 25 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคของจำเลย

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ส่งหนังสือแจง 307 แผ่น

ทั้งนี้ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยื่นคำชี้แจง 307 แผ่น แพทย์สภาส่งมติที่ประชุม 113 หน้า และผลตรวจสอบแพทย์ 1,190 หน้า กสม.20 แผ่น จำเลยยื่นคำชี้แจง 55 แผน ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพยื่นเอกสารเบิกค่าเวร 77 แผ่น ทนายจำเลยส่งประวัติการรักษาไว้พิจารณา และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจส่งหลักฐานค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และค่ารักษาพยาบาลของจำเลยไว้พิจารณา

โดยในวันที่ 8 ก.ค. เวลา 9.00น. ตามที่นัดไว้เดิม คือ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนในวันที่ 15 ก.ค.เป็นผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ และอดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ทนายทักษิณ เผยศาลกำชับ งดให้รายละเอียดไต่สวน

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยว่าของดให้รายละเอียดเกี่ยวกับการไต่สวนพยาน เนื่องจากศาลกำชับไว้ว่าคำเบิกความ ข้อเท็จจริงข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลสุขภาพของจำเลย ขอให้งดเว้นเปิดเผยต่อสาธารณะ

โดยการนัดไต่สวนพยานทั้ง 5 ปากในวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว มีการไต่สวนประกอบเอกสารหลายส่วน และมีหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 2 ปากในวันที่ 25 ก.ค.68 นอกจากนี้ยังจะมีการนัดไต่สวนพยานในวันที่ 8, 15, 18 และ 25 ก.ค.68 ด้วย

นายวิญญัติ ยอมรับว่าตนเองเป็นคนยื่นให้ศาลออกข้อกำหนดนี้ เนื่องจากครั้งที่แล้วมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และบุคคลต่าง ๆ นำข้อมูลการไต่สวนของศาลไปวิเคราะห์หรือแสดงความคิดเห็นในที่ต่าง ๆ ทั้งที่คดียังอยู่ระหว่างการไต่สวน เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเอาไปวิเคราะห์ให้เกิดความสับสน ศาลจึงมีคำสั่งให้งดเว้นการนำเสนอในลักษณะนี้

หมอวรงค์ ชี้มี 3 ประเด็นหลักน่าสนใจ

ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ระบุว่า ในภาพรวมของการไต่สวนวันนี้ มี 3 ประเด็นที่น่าสนใจ ประเด็นแรกคือ ทำให้ได้เห็นความเชื่อมโยงในการดำเนินการส่งตัวนายทักษิณว่า เป็นการดำเนินการของพยาบาลเวรเป็นหลัก ที่ประสานงาน เลือกโรงพยาบาลตำรวจ โดยที่แพทย์เวรเองก็ไม่ทราบเรื่อง

ประเด็นที่ 2 คือเรื่องระยะเวลาในการส่งตัวนายทักษิณไปที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ศาลก็มีคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ส่งไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ซึ่งอยู่ใกล้กว่าเพียงแค่ 200 เมตรหากมีอันตรายใด ๆ ระหว่างการทรงตัวจะทำอย่างไร

และประเด็นที่ 3 ศาลได้ถามว่า ทราบหรือไม่ว่านักโทษรายนี้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี หากปล่อยเวลา 2 ชั่วโมงนี้ไว้ ทั้งที่มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจหอบ แล้วเป็นอะไรขึ้นมา จะเป็นอย่างไร

ข้องใจ ส่ง "ทักษิณ" รักษาฉุกเฉินคนละตึกกับชั้น 14

ขณะที่ นพ. ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้าร่วมรับฟัง กล่าวว่า ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลตำรวจนั้นอยู่คนละตึกกับชั้น 14 ที่นายทักษิณรักษาตัว

ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการส่งตัวฉุกเฉินจริง ๆ ก็ควรต้องส่งไปที่ห้องฉุกเฉินก่อน หรือตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่ฉุกเฉิน ก็สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกแล้วส่งกลับเรือนจำ แต่หากฉุกเฉินอาการหนักจริง การนำตัวไปรักษาชั้น 14 ก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี

สาเหตุเพราะต้องส่งไปที่ส่วนเฉพาะทางด้านหัวใจ หรือห้องไอซียู ซีซียู เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นการตั้งข้อสังเกตในฐานะแพทย์คนหนึ่ง และคิดว่าประชาชน รวมถึงแพทย์ทั่วไปก็น่าจะเห็นตรงกัน

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง