วันนี้ (18 ธ.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 เป็นโจทก์ น.ส.แก้วกัญญา แซ่ลี ภริยาของผู้เสียชีวิต เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 และนายสุวิทย์ เวียงบรรพต บิดาของผู้เสียชีวิต เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้องนายทหารยศร้อยโท (ผู้ฝึกทหารเกณฑ์) เป็นจำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่ทหารยศจ่าสิบโท (ครูนายสิบฝึกทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 2 ความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
โดยพฤติการณ์ตามฟ้องสรุปว่า ขณะเกิดเหตุเดือน ก.ค.2566 เวลากลางคืน ครูนายสิบตรวจพบทหารเกณฑ์หลายคนนำบุหรี่มาสูบ ซึ่งผิดกฎระเบียบข้อห้ามสำหรับทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 1 ซึ่งรู้เห็นและอนุญาตให้จำเลยที่ 2 สั่งลงโทษพลทหารทั้งหมวด ซึ่งมีพลทหารกิตติธร ผู้เสียชีวิตรวมอยู่ด้วย โดยให้ทำท่าออกกำลังกาย (ท่าพีที) ตั้งแต่เวลา 19.30-20.00 น. ซึ่งนานเกินสมควร และยังสั่งให้พลทหารหมวดฝึกทุกคนนอนนอกเรือนนอนทั้งคืน ในสภาพผู้เสียชีวิตเสื้อผ้าเปียกชื้น บางคนไม่มีเครื่องนอนปกคลุมร่างกาย ขณะนั้นสภาพอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ เพราะมีฝนตกช่วงกลางวัน
อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งของกองทัพ เรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิด ปรังปรุงวินัยและการออกกำลังกาย ลงวันที่ 14 มิ.ย.2566 เรื่องกำหนดเวลาที่ให้ผู้ฝึกทหารใหม่สามารถสั่งลงโทษด้วยการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ได้ครั้งละไม่เกิน 12 ท่า 12 นาที และต้องไม่มีการซ่อมวินัย และงดให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-21.00 น.โดยพลทหารผู้เสียชีวิต เจ็บป่วย และถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย ชั้นพิจารณา ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 สรุปประเด็น ว่า โจทก์ร่วมที่ 1 ในฐานะภรรยาของผู้เสียชีวิต และโจทก์ร่วมที่ 2 ในฐานะบิดา เป็นผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ มาตรา 3 มีสิทธิขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้
จำเลยทั้งสอง กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์ 4 ปากและโจทก์ร่วมทั้งสอง เบิกความยืนยันและให้การข้อเท็จจริงถึงส่วนที่ตนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองโดยละเอียด ไม่มีข้อพิรุธ ซึ่งในส่วนของคำเบิกความโจทก์ร่วมที่ 1 ที่ฟังจากคำบอกเล่าของผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับการลงโทษนั้น มีลักษณะเป็นการบอกกล่าวสารทุกข์สุขดิบให้คู่ชีวิตรับรู้ถึงความยากลำบากระหว่างการฝึก ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยว่าจะใส่ร้ายจำเลยทั้งสอง และโจทก์กับโจทก์ร่วมยังมีพยานเอกสารเป็นกระดาษเขียนข่าว ลงวันที่ 14 มิ.ย.2566 ซึ่งเป็นระเบียบคำสั่งของกองทัพบกเรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิดฯ ได้กำหนดไม่ให้ใช้การลงโทษในลักษณะรวมการ และที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ร่างกาย
คำให้การของจำเลยทั้งสองมีส่วนที่เจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วม โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตยังมีสภาพร่างกายปกติ และอยู่ในค่ายตลอดเวลา แต่หลังจากลงโทษเพียง 2 วัน ผู้เสียชีวิตกลับเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคไข้ดิน กระทั่งถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุ 9 วัน การลงโทษและการเจ็บป่วย จึงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน
แพทย์ผู้รักษาได้เบิกความเกี่ยวกับอาการของโรคที่สัมพันธ์ กับพฤติการณ์ของผู้เสียชีวิตที่ถูกลงโทษ โดยพยานหลักฐานจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำ การที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามฟ้อง
ศาลฯ จึงพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 1 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 8 เดือน
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 2 ระหว่างอุทธรณ์ โดยมีหลักประกันวงเงินคนละ 60,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
อ่านข่าว :
ฝนถล่ม “หาดใหญ่” เตือน 4 ถนน 4 ชุมชน ติดตามระดับน้ำใกล้ชิด
รื้อย้ายคาน "สะพานลอย" จุดรถบรรทุกชน ทล.คาดใช้เวลาซ่อม 3 เดือน
ตรวจค้นโกดังตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ อายัดทอง-เงิน 11 ล้านไว้ตรวจสอบ
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











