ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ISP วิเคราะห์ปะทะชายแดน "กัมพูชา" เศรษฐกิจเสียหายหนัก 650 ล้านดอลลาร์ GDP หดตัวชัด

เศรษฐกิจ
10:00
586
ISP วิเคราะห์ปะทะชายแดน "กัมพูชา" เศรษฐกิจเสียหายหนัก 650 ล้านดอลลาร์ GDP หดตัวชัด
สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์วิเคราะห์ต้นทุนสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาปี 2568 ค่าใช้จ่ายทหารกัมพูชา 450-650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ GDP หดตัว 1.3 - 1.6% นักลงทุนถอนตัว ท่องเที่ยวทรุด แรงงานส่งเงินหาย สูญเสียทางอ้อมเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ ธนาคารโลกเตือนกระทบยาวปีหน้า

วันนี้ (23 ธ.ค.2568) สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ หรือ ISP ออกเอกสารวิชาการฉบับพิเศษ เดือน ธ.ค.2568 วิเคราะห์ต้นทุนและผลกระทบทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจากความขัดแย้งชายแดนกับไทยที่ปะทุขึ้นช่วงปลายเดือนมิ.ย.2568 โดยระบุว่าก่อนหน้านี้ธนาคารโลกคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของกัมพูชาในปี 2568 ไว้ที่ร้อยละ 5.8 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในปี 2567 แสดงถึงการฟื้นตัวใกล้เคียงระดับก่อนการระบาดของโควิด-19

แต่ความขัดแย้งดังกล่าวได้บั่นทอนโอกาสนี้อย่างรุนแรง โดยนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจประเมินว่าปฏิบัติการชายแดนฉุกเฉินของกัมพูชาในช่วงครึ่งปีหลังมีค่าใช้จ่ายรวม 450 - 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,625 - 21,125 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายหลักแบ่งเป็น 3 ส่วน

  • ส่วนแรกคือค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการ ซึ่งรวมค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โลจิสติกส์ และเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยสำหรับทหารราว 30,000 - 40,000 นายที่ระดมพลไปยังพื้นที่ชายแดน เช่น จังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย บริเวณช่องบก ภูมะเขือ ใน จ.อุบลราชธานี ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ใน จ.สุรินทร์ ซึ่งต่อมาความขัดแย้งขยายไปยังปอยเปตในสระแก้ว เกาะกง และโพธิสัตว์ในตราด
  • ส่วนที่สองคือการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เร่งด่วนจากจีน เช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพา โดรนพลีชีพ และระบบขีปนาวุธ GAM-102 จากมาเลเซีย
  • ส่วนที่สามคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างบังเกอร์ถาวรและชั่วคราว รวมถึงถนนทางยุทธวิธีสู่พื้นที่สู้รบ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกองทัพบกกัมพูชา หรือ RCAF

ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ของกัมพูชา

เห็นได้ชัดจากการปรับลดพยากรณ์ GDP ของธนาคารโลกเหลือร้อยละ 4.2 - 4.5 หรือลดลงร้อยละ 1.3 - 1.6 จากตัวเลขเดิม โดยปัจจัยหลักมาจาก

  1. การดึงงบประมาณสาธารณะกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16,250 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบร้อยละ 5 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยดึงเงินจากภาคสาธารณสุขและการศึกษา
  2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ในภาคการผลิต โดยเฉพาะสิ่งทอ ชะงักงันร้อยละ 15 ในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนกังวลความไม่แน่นอน
  3. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้ 3,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบร้อยละ 10 ของจีดีพี ในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากปีก่อน ก็หยุดชะงักจากความตึงเครียดชายแดน โดยเฉพาะเขตโบราณสถาน
  4. การสูญเสียรายได้จากการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานกัมพูชา 1,200,000 คนในไทย ซึ่งประมาณ 1,230 - 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 39,975 - 65,000 ล้านบาท ในปี 2567

บทสรุปของเอกสารระบุว่า การเผชิญหน้าทางทหารครั้งนี้ สร้างภาระทางการเงินและเศรษฐกิจที่หนักหน่วงแก่กัมพูชา โดยค่าใช้จ่ายโดยตรงอย่างน้อย 450 - 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 14,625 - 21,125 ล้านบาท และผลกระทบทางอ้อมในระยะยาวอาจสูงถึงกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 200,000 ล้านบาท จากการสูญเสียด้านการท่องเที่ยวและการจ้างงาน

สถาบันการเงินระหว่างประเทศปรับลดอันดับความเชื่อมั่นและพยากรณ์การเติบโตปี 2568 - 2569 ลงเกือบร้อยละ 2 และอาจปรับลดเพิ่มหากความขัดแย้งไม่ยุติ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์เตือนว่าการจัดการผลกระทบนี้จำเป็นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจกัมพูชาให้กลับสู่เส้นทางเดิม

อ่านข่าวอื่น :

"บิ๊กเล็ก" ย้ำแนวทางสู้รบมาถูกทาง​ พบหลักฐานชัดกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด

ทัพไทยยิงฐานทหารเขมร 18 เป้าหมาย ภาพรวมได้เปรียบควบคุมพื้นที่