ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เตรียมพร้อมสัตว์เลี้ยง รับมือเสียงพลุ ป้องกันตื่นกลัววิ่งหนี

สังคม
15:01
376
เตรียมพร้อมสัตว์เลี้ยง รับมือเสียงพลุ ป้องกันตื่นกลัววิ่งหนี
อ่านให้ฟัง
02:34อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

วันนี้ (24 ธ.ค.2568) สัตวแพทย์หญิงภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์ และผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เตือนว่า เสียงดังตั้งแต่ 85 เดซิเบลขึ้นไป โดยเฉพาะเสียงระดับ 100–120 เดซิเบล เป็นระดับที่อันตรายต่อคนและสัตว์ เสี่ยงกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันผิดปกติ และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

ขณะที่เสียงพลุมีความดังเฉลี่ย 100–140 เดซิเบล เสียงปืน 140–170 เดซิเบล และเสียงระเบิดอาจสูงเกิน 200 เดซิเบล ซึ่งไม่เพียงกระทบการได้ยิน แต่แรงสั่นสะเทือนยังทำให้สัตว์ตีความว่าเกิดภัยรุนแรง เช่น แผ่นดินไหว ส่งผลให้สัตว์เกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง

สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าคน หากหัวใจเต้นเกินขีดจำกัด อาจช็อกและเสียชีวิตได้ทันที ส่วนนกซึ่งมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงถึง 250–500 ครั้งต่อนาที เสี่ยงช็อกตายจากเสียงดังได้เช่นกัน ขณะที่สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควาย แพะ แกะ มักแสดงอาการน้อย แต่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อระบบสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม

มูลนิธิ Watchdog Thailand ระบุว่า ในช่วงเทศกาลที่มีการจุดพลุ เช่น ลอยกระทง มักได้รับแจ้งสัตว์เลี้ยงตื่นกลัว วิ่งเตลิด ถูกรถชน หรือตาย โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่ทัศนวิสัยต่ำ

คำแนะนำเบื้องต้นคือ ควรเตรียมการล่วงหน้าเมื่อทราบว่าจะมีการจุดพลุ เช่น ขังกรงหรือให้อยู่ในห้องปิด ลดแสง ปิดเสียงรบกวน ไม่บังคับให้สัตว์ออกจากที่หลบซ่อน หรือพาไปฝากไว้ที่คลินิกสัตวแพทย์ รวมถึงปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องยาลดความเครียดในสัตว์ที่มีอาการรุนแรง

ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย ทำได้ยาก เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาทำร้ายสัตว์โดยตรง เนื่องจากการจุดพลุส่วนใหญ่อยู่ในบริบทของงานเฉลิมฉลอง จึงเน้นการป้องกันและการเตรียมความพร้อมมากกว่าการฟ้องร้อง

กก.บห.ประชาธิปัตย์ รับรองจุดยืนพรรคไม่ร่วมรัฐบาลกับกล้าธรรม

21 ม.ค.นี้ ศร.นัดฟังคำวินิจฉัยคดี "ภูมิธรรม-ทวี" แทรกแซงคดีฮั้ว สว.

ทบ.ยันกระสุนคลัสเตอร์ใช้เฉพาะเป้าหมายทหาร ไม่ใช่อาวุธทำร้ายพลเรือน