เปิดใจเยาวชนนักข่าวพลเมือง "หนูไม่กลัวแล้ว เพราะมีกำลังใจ"

Logo Thai PBS
เปิดใจเยาวชนนักข่าวพลเมือง "หนูไม่กลัวแล้ว เพราะมีกำลังใจ"
นักเรียนหญิงชั้นม.4 จากจ.เลย ผู้ดำเนินรายการนักข่าวพลเมือง ไทยพีบีเอส เปิดใจล่าสุดหลังถูกบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องหมิ่นประมาทโดยบอกว่าเธอมีกำลังใจดีขึ้นหลังจากได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย รวมทั้งมูลนิธิโลกสีเขียวที่ประกาศให้ทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี

บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องหมิ่นประมาทเยาวชนรายนี้จากการรายงานข่าวช่วงนักข่าวพลเมือง ตอน "นักสืบลำน้ำฮวยแท้ๆ แน๊ว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอสวันที่ 1 ก.ย.2558 ที่กล่าวถึงผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย โดยบริษัทได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจมีนบุรีในกรุงเทพฯ ซึ่งได้เรียกผู้ถูกแจ้งความเข้าพบเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2558 แต่ต่อมา พ.ต.ท.ดรุณี ประเสริฐ รองผู้กำกับ สน.มีนบุรี ได้เลื่อนการสอบปากคำออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยหลังปีใหม่พนักงานสอบสวนจะลงพื้นที่ อ.วังสะพุง จ.เลย สืบหาข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องคดีนี้หรือไม่

กรณีการฟ้องร้องนักข่าวพลเมืองทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคมอย่างกว้างขวาง โดยหลายฝ่ายได้เรียกร้องให้บริษัททุ่งคำถอนฟ้องเยาวชนเพราะเห็นว่าเยาวชนมีเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการปกป้องสิ่งแวดล้อมและท้องถิ่นของตน ล่าสุดมูลนิธิโลกสีเขียวได้ประกาศให้ทุนการศึกษาจนจบการศึกษาชั้นปริญญาตรี

ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ประธานมูลนิธิโลกสีเขียวกล่าวถึงเยาวชนนักข่าวพลเมืองว่าเป็นบุคคลที่น่าชื่นชม ควรได้รับการสนับสนุนและกิจกรรมที่เยาวชนนักข่าวพลเมืองสื่อสารมาในครั้งนั้นเป็นกิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อมที่นำเอากระบวนการ "นักสืบสายน้ำ" ที่มูลนิธิฯ เป็นผู้ริเริ่มมาประยุกต์เพื่อทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมในชุมชนของตัวเอง

"ค่ายนักสืบสายน้ำเป็นกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาที่มูลนิธิโลกสีเขียวได้พัฒนาขึ้นมาเกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เด็กได้ออกไปเรียนรู้จากของจริง สถานการณ์จริงในท้องถิ่น และช่วยกันหาวิธีดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในบ้านของเขาต่อไป เยาวชนคนนี้ได้สืบทอดกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญ" ดร.สรณรัชฎ์กล่าว

ประธานมูลนิธิโลกสีเขียวยังได้ให้ความเห็นต่อการที่บริษัทเหมืองทองคำฟ้องหมิ่นประมาทเยาวชนด้วยว่า "ไม่อยากให้เด็กๆ ต้องเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ เรารู้สึกว่าเขาเจอแต่ผู้ใหญ่ที่มารุมรังแกเขามาตลอด ก็เลยอยากให้เห็นว่ามีผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในสังคมที่ติดตามเฝ้าดูความเป็นไปของเขาและพร้อมจะสนับสนุนเขา"

เยาวชนนักข่าวพลเมืองได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมงานนักข่าวพลเมืองว่า รู้สึกมีกำลังใจหลังทราบว่าได้รับทุนการศึกษา และทางพ่อแม่ของเธอก็มีกำลังใจดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ซาบซึ้งใจที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร่วมกันปกป้องและให้กำลังใจหลังจากมีความพยายามให้เธอขอโทษทางบริษัทฯ เพื่อแลกกับการถอนฟ้อง

"ครั้งแรกก็ท้อๆ อยู่ แต่มีกำลังใจ เราก็พูดในสิ่งที่เราเห็น เราก็พูดความจริงให้เขาได้รู้ว่าเราเป็นยังไง วันนี้รู้สึกเฉยๆ แล้วค่ะ ไม่คิดอะไรแล้ว เพราะมีกำลังใจ พี่เขาก็ให้กำลังใจเยอะ เราก็พูดสิ่งที่เราเห็น พูดตามความจริง ไม่ได้พูดความเท็จ"

"รู้สึกดีที่มีโอกาสได้รับทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี บอกพ่อแม่ไป พ่อแม่ก็อมยิ้ม พ่อแม่ก็ดีใจเหมือนกันค่ะแล้วก็อยากขอบคุณ หนูไม่กลัวแล้ว วันนั้นที่ร้องไห้ที่พ่อแม่ไปส่ง เป็นครั้งแรกที่หนูร้องไห้ ตั้งแต่ถูกฟ้องมายังไม่ร้องไห้เลย เลยไปร้องวันนั้น เพราะรู้สึกปลื้ม แม่ก็คลายค่ะ ตั้งแต่ที่พ่อๆ แม่ๆ ไปส่งแม่ก็เริ่มคิดว่าไม่มีใครทิ้งเรานะ ถ้าพ่อๆ แม่ๆ ไม่ไปส่งวันนั้นแม่ก็คงคิดว่า กลัวว่าชาวนาหนองบงจะทิ้ง" เธอกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง