ปี 2565 มีคนจำนวนมากจากไต้หวัน เดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา แต่กลับมีรายว่า พวกเขาตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ต่อมาตำรวจและอัยการจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 คน อัยการตั้งข้อหา 2 รอบ รอบแรกเมื่อเดือนก.ย.2564 มีการตั้งข้อหากับเหยื่อ 18 คนที่ได้รับการช่วยเหลือ ต่อมาเดือนม.ค.2566 อัยการได้ตั้งข้อหากับเหยื่ออีก 30 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือในภายหลัง
อัยการพบว่าคดีทั้งหมดเกิดจากกลุ่มค้ามนุษย์ที่นำโดย "หลิน จินหยู" (林晉宇) ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 โดย "หลิน จินหยู" ได้ติดต่อกับสมาชิกกลุ่มฉ้อโกงชาวกัมพูชา พวกเขาล่อลวงชาวไต้หวันให้มาทำงานที่กัมพูชา เช่น เป็นพนักงานประจำ บ่อนกาสิโน บริการลูกค้าเกม การถ่ายทำภาพยนตร์และวีดิโอ การเปิดบัญชีทางการเงินและการธุรกิจด้านสินเชื่อ
เมื่อ "เหยื่อ" ชาวไต้หวันเดินทางมาถึงสนามบิน ก็จะถูกยึดหนังสือเดินทาง และนำไปขายให้กับผู้ซื้อกลุ่มฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่ดำเนินงานในบริษัทการพนันและสวนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงในกรุงพนมเปญและสีหนุวิลล์ ในราคาเล่มละ 17,000 -18,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากใครขัดขืน จะถูกทำร้าย บังคับ ข่มขู่ กักขัง ทุบตี จนสูญเสียอิสรภาพ
ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจพบว่าสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มสามารถหารายได้ระหว่าง 17,000 - 18,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 500,000 - 550,000 ดอลลาร์ไต้หวัน โดย "หลี่ เจิ้นห่าว" ได้รับค่าคอมมิชชั่น 30%
ส่วนสมาชิกได้รับค่าคอมฯ ประมาณ 30,000 - 50,000 ดอลลาร์ไต้หวัน ขณะที่สมาชิกบางคนยังได้รับค่าคอมมิชชันคงที่ 10,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อสัปดาห์ กำไรรวมของกลุ่มมากกว่า 14.69 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
รายงานจากสื่อใต้หวันระบุว่า "หลี่ เจิ้นห่าว" ถูกตัดสินจำคุก 18 ปี ในความผิดต่าง ๆ รวมถึงการค้ามนุษย์และการกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นยืนตามคำพิพากษาเดิม คดีนี้ถผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพิพากษาถูกต้องและโทษเหมาะสมแล้วจึงมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้ง 8 คนในคดีเดียวกัน
จำเลยทั้งหมดประกอบด้วย หลิน จินหยู ,เฉิน ซื่อเหว่ย , หวง ซวนเฟิง , หยาง เจียห่าว , เจิ้ง ซือหง , เฉิน จุนฮั่น , หวง หยูเจิ้น , และหวัง ฉีเหวิน พวกเขาถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกตั้งแต่ 9 ปี ถึง 16 ปี 6 เดือน
"หลี่เจิ้นห่าว" เป็นหนึ่งในระดับแกนนำสมาชิกแก๊งสหภาพไม้ไผ่ ( Bamboo Union) สาขาแก๊งตงถังตงซิน (東堂東新會) ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มฉ้อโกงและค้ามนุษย์ เพื่อล่อลวงชาวไต้หวัน 88 คน มายังกัมพูชาเพื่อทำงานเป็น "ลูกหมู" ในคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและกักขังทรมานผิดกฎหมาย
ต่อมา อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นสองรอบ สำหรับข้อหารอบแรก ศาลฎีกาได้ยืนตามคำพิพากษาเดิมและในครั้งที่ 8 ศาลได้ยกฟ้องอุทธรณ์และมีคำพิพากษายืนตามโทษจำคุก 18 ปี
ข้อมูลเส้นทางของกลุ่มองค์กรอาชญากรชาวจีนที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคเอเซียและยุโรป พบว่า ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มสหภาพไม้ไผ่(Bamboo Union)ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรที่ใหญ่สุด ในบรรดา 3 กลุ่มหลักอาชญากรหลักอยู่ในไต้หวันเท่านั้น
มีรายงานระบุว่า แก๊งดังกล่าวมีสมาชิกถึงจำนวน 20,000 คน ส่วนใหญ่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่และมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับพรรคก๊กมินตั๋งในอดีต ว่ากันว่า พวกเขามีแรงจูงใจจากอุดมการณ์ทางการเมืองและผลกำไร มักเรียกตัวเองว่า "นักธุรกิจ"
แต่ข้อเท็จจริง คือ พวกเขายังมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่เป็นระบบและการค้ายาเสพติด โดยกลุ่มสหภาพไม้ไผ่ ยังมีสมาชิกชาวอเมริกันเชื้อสายไต้หวันและกลุ่มชาติพันธุ์อเมริกันเชื้อสายเอเชียอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบความสัมพันธ์และเส้นทางธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มอาชญากรจีนข้ามชาติพบว่า ในฮ่องกง มีแก๊งเฮ่อเซิงเหอ (和勝和) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลุ่มองค์กรอาชญากรรมใหญ่ของฮ่องกง ร่วมกับ แก๊งซินอี้อัน (新義安) หรือ ซันยีออน และแก๊ง 14K ในชื่อเดิม "หงเหมินจงอี้ฮุย" (洪門忠義會) หรือ "หงฟาซานจงอี้ถัง" (洪發山忠義堂) ที่มี หวัน ค็อกคอย ( Wan Kuok-koi) เป็นแกนนำ
ไอ้ฟันหลอ (Broken Tooth) ฉายาของ Wan Kuok Koi มีชื่อในบัญชีอาชญากรในช่วงทศวรรษ 1990 ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 14 K ในมาเก๊าและเป็นสมาชิกของการประชุมปรึกษาการเมืองของประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงที่เป็นส่วนหนึ่งของ "แนวร่วม" พรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่รัฐบาลจีนปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ใช่สมาชิก CPPCC
โดยแก๊งเฮ่อเซิงเหอ จะมีพื้นที่ดำเนินงานในฮ่องกง , สหราชอาณาจักร และตามเมืองใหญ่ เช่น ลอนดอน แมนเชสเตอร์ กลาสโกว์ เบอร์มิงแฮม ลิเวอร์พูล , สหรัฐอเมริกา , ไอร์แลนด์ และเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด , การพนัน , การค้าประเวณี , เงินกู้นอกระบบ , การลักลอบขนสินค้าปลอม , การกรรโชกทรัพย์และเรียกค่าคุ้มครอง , สื่อลามกอนาจาร และใช้อิน เทอร์เนตเพื่อทำกิจกรรมการพนันที่ผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ยังดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมและการบริการที่ถูกกฎหมายด้วย เช่น เปิดโครงการรับเหมาก่อสร้างด้านงานสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง การขนส่ง บริการจัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มนอกสถานที่
ข้อมูลระบุว่า สำหรับพื้นที่การดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมดังกล่าว ส่วนใหญ่มักกระจายตัวในระดับภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการทำกิจกรรมผิดกฎหมายตามลักษณะเฉพาะของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมในแต่ละกลุ่ม
ดังนั้นอิทธิพลของกลุ่มอาชญากรรมจึงต้องถูกแบ่งแยกตามภูมิภาค หรือมีฐานปฏิบัติการหรือกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันในแต่ละภูมิภาคแผ่ขยายไปทั่วหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายประชากร เช่นในกลุ่มประเทศแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตามประวัติ แก๊งเฮ่อเซิงเหอ แยกตัวออกจากกลุ่มสมาคมลับเฮ่อเหอตู สมาชิกเดิมเริ่มส่วนใหญ่เป็นจีนแคะและชาวนาเผ่าพื้นเมืองจากหมู่บ้านที่มีกำแพงล้อมรอบในเขตเขตซุนวาน ฮ่องกง ต่อมา หลังจากรับเอารูปแบบการจัดโครงสร้างองค์กร กฎ และพิธี กรรมการสาบานด้วยเลือด การกำหนดรหัสลับ พิธีการรับสมาชิกใหม่ ของสมาคมลับหงเหมินโบราณมาใช้ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เฮ่อเซิงเหอ
หลังจากที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนในปี 2540 และการเสื่อมถอยของ ซันยีออน และ 14K หรือ หงเหมินจงอี้ฮุย ในฮ่องกง เฮ่อเซิงเหอ จึงกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง
มีการวิเคราะห์ว่า การที่องค์กรอาชญากรรมจีนข้ามชาติจะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองและกิจกรรมผิดกฎหมายในประเทศต่าง ๆ เกิดจากความต้องการขยายอิทธิพล เพื่อต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างกลุ่มอาชญากรรมจีนดั้งเดิมของกลุ่มเฮ่อชิงเหอ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีนโพ้นทะเลหลังสงครามโลกครั้งที่สองในกัมพูชากับกลุ่มอาชญากรรมจีนข้ามชาติ -Triads 14K ที่ได้รับการหนุนหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ทั้งนี้จากการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มองค์กรอาชญากรรมจีนข้ามชาติในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย มีข้อสันนิษฐานว่า กลุ่ม Triads ที่มีพัฒนาการและเคลื่อนไหวมาแต่ดั้งเดิมในกัมพูชา คือ แก๊งเฮ่อเซิงเหอ
และต่อมาเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีน ดำเนินโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One belt One road) ขยายลงมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมา พร้อม ๆ กับการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของชาวจีน ได้นำมาซึ่งกลุ่มเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติของจีนที่มีฐานที่มั่นอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ (Triads)
โดยมีฐานปฏิบัติการอยู่ในหลายประเทศซึ่งมีประชากรชาวจีนโพ้นทะเล จำนวนมากหลั่งไหลตามเข้ามาด้วย ทั้งกลุ่ม 14K ของ Wan Kuok Koi ที่เคลื่อนตัวเข้ามาที่กัมพูชา เมืองสีหนุวิลล์ และแก๊งไต้หวันที่มีกลุ่มซูเหลียนปังหรือสหภาพไม้ไผ่ เป็นพันธมิตร (竹聯幫-Zhú lián bāng-Union Bamboo) และที่ KK ปาร์ก เมืองเมียวดี เมียนมา
และองค์กรอาชญากรรม 2 กลุ่มนี้ คือ กลุ่มสำคัญที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และกำลังขยายอิทธิพลลามเข้ามาในไทย ดั่งเงาปีศาจคอยบงการอยู่เบื้องหลังทุนสีเทาข้ามชาติ
อ่านข่าว
ตัดไฟ “ลี ยงพัด” เขมร “จำเลยโลก” แหล่งฟอกเงินแก๊งสแกมเมอร์
สแกมเมอร์ สู่ Botnet เจาะลึก "cyber crime" ล้วงข้อมูล "เหยื่อ"
เจาะลึกฐานราก "ทุนจีนเทา" เมืองสแกมเมอร์ สีหนุวิลล์-ชเวโก๊กโก











