สธ.สั่งสอบวินัยร้ายแรง ขรก.10 คน เกี่ยวข้องยาแก้หวัด
สำนวนคดียักยอกยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนสารตั้งต้นยาเสพติด ของตำรวจภูธรภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ถูกส่งมอบให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยง หลังยาดังกล่าวหายไปจากโรงพยาบาลหลายแห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งดีเอสไอ เตรียมประชุมสรุปคดีทั้งหมดในวันที่ 2 เม.ย.นี้
ส่วนการดำเนินการกับเภสัชกรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายไปจากโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี นายสงคราม ขำต้นวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ภาค 4 ระบุว่า หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้มูลความผิดว่ามีการนำยาไปผลิตสารเสพติดจริง จะดำเนินการยึดทรัพย์เภสัชกรที่เกี่ยวข้องทันที แต่เบื้องต้น เชื่อว่ายาที่หายไป ถูกส่งออกจำหน่ายตามร้านขายยา ก่อนส่งให้เครือข่ายนำไปผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดน
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่เช้านี้ ( 30 มี.ค.) มีการตรวจยึดยาแก้หวัดชนิดน้ำ กว่า 6,000 ขวด ซึ่งมีส่วนผสมสารซูโดอีเฟดรีน ในโกดังของร้านขายยาอ้อมเมืองเภสัช บริเวณหลังตลาดอ้อมเมืองโพธิ์ทอง โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารการสั่งซื้อจากบริษัทยา หลังเจ้าของร้านอ้างว่า สั่งซื้อยาทั้งหมดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วและรอให้บริษัทมารับคืน
ส่วนการตรวจสอบกรณียักยอกยาซูโดอีเฟดรีนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ อยู่ระหว่างการรับสำนวนคดีจากสถานีตำรวจ 7 แห่งทั่วประเทศ เพื่อนำมาประกอบกับการลงพื้นที่สอบสวนก่อนหน้านี้ เพื่อหาความเชื่อมโยง
ขณะที่ที่ประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงสาธารณสุข มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับข้าราชการ 10 คนใน 8 จังหวัดแบ่งเป็นผู้อำนวยการและเภสัชกร โรงพยาบาลทองแสงขัน จ.อุตรดิตถ์ ส่วนอีก 8 คนเป็นเภสัชกรและเจ้าหน้าที่งานเภสัชกรรมในโรงพยาบาล 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โรงพยาบาลฮอด และโรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ โรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และโรงพยาบาลหนองกี่ จ.บุรีรัมย์
นอกจากนั้นยังมีการสอบวินัยไม่ร้ายแรงกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลกมลาไสย โรงพยาบาลฮอด และโรงพยาบาลภูสิงห์ รวมถึงเภสัชกรอีก 3 คน ที่โรงพยาบาลกมลาไสย