ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ลักลอบนำเข้าข้าวกัมพูชา สวมสิทธิโครงการรับจำนำข้าว

15:08
139
ลักลอบนำเข้าข้าวกัมพูชา สวมสิทธิโครงการรับจำนำข้าว

หลังจากไทยพีบีเอส นำเสนอกลวิธี และความพยายาม ในการนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำมาสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล วันนี้ (31 พ.ค.) เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรสามารถยึดข้าว ที่พบลักลอบนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ได้กว่า 139 ตัน ซึ่งผู้ลักลอบนำเข้าข้าว อ้างว่า มีใบสั่งจากโรงสีเพื่อนำมาสีเป็นข้าวขาวจำหน่ายให้กับคนไทย ซึ่งหมายความว่า คนไทยจะต้องรับประทานข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน

<"">
 
<"">

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวงการข้าว กลับมองว่า ก็ยังมีความเป็นไปได้ ที่โรงสีอาจนำมาสวมสิทธิ์ข้าวไทย หรือ สีเพื่อผสมข้าวไทยขาย เนื่องจากข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาถูกกว่า ในประเทศถึงตันละ 3,000 -4,000 บาท

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถบรรทุกที่มีผ้าใบปิดมิดชิด 5 คัน ขณะผ่านด่านศุลกากร และเมื่อตรวจสอบภายใน ก็พบว่าเป็นข้าวเปลือกเจ้าและปลายข้าว น้ำหนักรวมถึง 139 ตัน ทั้งนี้ ในพื้นที่ อำเภอตาพระยา,อำเภอวัฒนานคร และอำเภอโคกสูง ในจังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า มีการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกจากประเทศกัมพูชา เข้ามาโดยจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมากที่สุด

ข้อมูลที่ได้พบว่า มีนายหน้าที่ติดต่อกับนายทุนฝั่งประเทศกัมพูชาเพื่อนำเข้าข้าวโดยไม่เสียภาษี ผ่านทางด่านศุลกากร ตามคำสั่งซื้อของเจ้าของโรงสีในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร เชื่อว่า ข้าวทั้งหมดจะถูกกระจายไปยังโรงสีในพื้นที่ภาคกลาง เช่น จังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี และ อาจมีข้าวเปลือกบางส่วน ถูกนำไปสวมสิทธิ์ ข้าวของชาวนาไทย 

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะปัญหานี้ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้าว ถือเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้การลักลอบนำเข้าข้าว ยังมีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า

 
ก่อนหน้านี้ไทยพีบีเอส ได้ติดตาม พบการลักลอบขนข้าวอีกหนึ่งจุดจากแขวงสาละวัน ประเทศลาว เข้ามาประเทศไทย โดยขนข้ามแม่น้ำโขงมาที่ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้ติดตามและพบข้อมูลที่ชัดเจนว่า ข้าวเหล่านี้ถูกนำไปเข้าโครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่ใกล้เคียง และจนถึงขณะนี้ แม้จะมีการเผยแพร่การลักลอบขนข้าวไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังยืนยันว่า ยังมีการลักลอบขนข้าวอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยการค้าภายในจังหวัดอุบลราชธานีก็ยอมรับในข้อมูลนี้
 
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการข้าว ของประเทศไทยหลายฝ่ายต่างยืนยันตรงกันว่า ไทยไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากประเทศไทยมีข้าวเหลือจากการบริโภคจนถือว่าเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกอยู่แล้ว

ดังนั้นหากมีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาก็มีความเป็นไปได้ ในหลายทางคือ การนำมาเข้าโรงสีเพื่อขายเป็นข้าวขาวในประเทศตามที่ผู้ลักลอบนำข้าวแอบอ้าง หรือนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาผสมกับข้าวไทย เพื่อลดต้นทุนราคาข้าวก่อนนำไปจำหน่ายต่อ หรือนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวโดยอาศัยรูปแบบการสวมสิทธิเกษตรกรที่มีโควต้าเหลือจากการเข้าโครงการ