ลักลอบนำเข้าข้าวกัมพูชา สวมสิทธิโครงการรับจำนำข้าว
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวงการข้าว กลับมองว่า ก็ยังมีความเป็นไปได้ ที่โรงสีอาจนำมาสวมสิทธิ์ข้าวไทย หรือ สีเพื่อผสมข้าวไทยขาย เนื่องจากข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมีราคาถูกกว่า ในประเทศถึงตันละ 3,000 -4,000 บาท
โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถบรรทุกที่มีผ้าใบปิดมิดชิด 5 คัน ขณะผ่านด่านศุลกากร และเมื่อตรวจสอบภายใน ก็พบว่าเป็นข้าวเปลือกเจ้าและปลายข้าว น้ำหนักรวมถึง 139 ตัน ทั้งนี้ ในพื้นที่ อำเภอตาพระยา,อำเภอวัฒนานคร และอำเภอโคกสูง ในจังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า มีการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกจากประเทศกัมพูชา เข้ามาโดยจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมากที่สุด
ข้อมูลที่ได้พบว่า มีนายหน้าที่ติดต่อกับนายทุนฝั่งประเทศกัมพูชาเพื่อนำเข้าข้าวโดยไม่เสียภาษี ผ่านทางด่านศุลกากร ตามคำสั่งซื้อของเจ้าของโรงสีในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร เชื่อว่า ข้าวทั้งหมดจะถูกกระจายไปยังโรงสีในพื้นที่ภาคกลาง เช่น จังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี และ อาจมีข้าวเปลือกบางส่วน ถูกนำไปสวมสิทธิ์ ข้าวของชาวนาไทย
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะปัญหานี้ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้าว ถือเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้การลักลอบนำเข้าข้าว ยังมีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า
ดังนั้นหากมีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาก็มีความเป็นไปได้ ในหลายทางคือ การนำมาเข้าโรงสีเพื่อขายเป็นข้าวขาวในประเทศตามที่ผู้ลักลอบนำข้าวแอบอ้าง หรือนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาผสมกับข้าวไทย เพื่อลดต้นทุนราคาข้าวก่อนนำไปจำหน่ายต่อ หรือนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวโดยอาศัยรูปแบบการสวมสิทธิเกษตรกรที่มีโควต้าเหลือจากการเข้าโครงการ