ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ลูกหลานแรงงานพม่าเร่งเรียนรู้ภาษา-วัฒนธรรมบ้านเกิด เตรียมตัวกลับบ้าน

สังคม
16:03
96
ลูกหลานแรงงานพม่าเร่งเรียนรู้ภาษา-วัฒนธรรมบ้านเกิด เตรียมตัวกลับบ้าน

สัญญาณทางการเมืองที่ดูเหมือนจะดีขึ้นในพม่า รวมถึงการมาเยือนไทยของนางอองซาน ซูจีเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้มีความตื่นตัวในการเรียนภาษาพม่ามากขึ้น โดยเฉพาะลูกหลานแรงงานพม่าด้วยหวังว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิด ไม่เพียงภาษาแต่พวกเขายังต้องเรียนรู้วัฒนธรรมปรเพณีเพื่อเข้าใจในวิถีของบรรพบุรษ

จากเมืองมะละแหม่งเข้ามาเป็นแรงงานในไทยกว่า 10 ปี ไม่มีวันไหนที่จอวิงไม่คิดถึงบ้าน พ่อค้าชาวมอญวัย 34 ปี อาศัยตลาดมหาชัยนิเวศน์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นที่ตั้งร้านขายอาหาร มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวมอญจากพม่าที่มาทำงานในถิ่นไทย ขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วยต้นตำหรับมอญ ถั่วงอกทอด น้ำเต้าทอด และขนมพื้นเมืองอีกนับ 10 ชนิด สะท้อนการดำรงชีวิตของแรงงานต่างด้าว ที่ยังคุ้นเคยกับวัฒนธรรมการกินรูปแบบเฉพาะของท้องถิ่น ซึ่งสินค้าอุปโภคบริโภคกว่าครึ่งในตลาดล้วนมาจากรัฐมอญในพม่า อย่างผักสดพื้นบ้าน อาหารคาวหวาน จนถึงซีดีเพลง การมาเยือนเมืองไทย อองซาน ซูจี ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีผลให้จอวิงและแรงงานจากพม่าจำนวนไม่น้อยฝันถึงชีวิตที่ดีขึ้นและวางแผนกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด

"ตอนนั้นอองซานก็บอกว่าให้อยู่กับคนไทยดีๆ จากที่ไม่อยากกลับตอนนี้เริ่มอยากกลับแล้ว เพื่อนกลับไปเยอะแล้ว แต่ก็ต้องดูความพร้อมหลายๆ อย่างว่าเราจะกลับไปทำอะไร ยังไง" จอวิง แรงงานต่างด้าวชาวมอญ กล่าว

ในสมุทรสาครนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีแรงงานจำนวนมากที่เคลื่อนย้ายจากพม่าเข้ามาทำมาหากิน ด้วยจำนวนรายได้และการจ้างงานในฝั่งไทยที่มีมากกว่า และสำหรับเด็กๆ ที่ติดตามพ่อแม่มาใช้ชีวิตที่นี่ ก็ต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อให้สามารถสื่อสารได้หลากหลาย ปูพื้นฐานสู่การกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิด

สำหรับห้องเรียนภาษาศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญวัดโคก ต.โคกขาม เพิ่มหลักสูตรภาษาพม่า เสริมให้กับนักเรียน 4 เชื้อชาติมอญ กะเหรี่ยง พม่า ไทย ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ในภายในศูนย์ เป็นเวลากว่า 1 ปี แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสาร

ตัวอักษรพม่าที่ดัดแปลงมาจากอักษรมอญ แต่ลดรูปเหลือเพียง 33 ตัวจากอักษรมอญ 35 ตัว โดยเพิ่มการออกเสียงวรรณยุกต์ซึ่งไม่มีในภาษามอญ ไม่ยากเกินไปสำหรับเด็กๆ ที่พูด อ่าน เขียนมอญได้แล้ว แม้มีพื้นฐานภาษาพม่าจากโรงเรียนในสะเทิม รัฐมอญมาก่อน แต่การได้ทบทวนอีกครั้ง ก็ทำให้ "ปกาวชาน" มีความมั่นใจในการพูดพม่ามากขึ้น 2 ปีที่ติดตามครอบครัวมารับจ้างในตลาดกุ้งสมุทรสาคร เด็กสาววัย 12 ปี จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาใหม่อย่างภาษาไทยด้วย

โดยปกาวชาน หรือน้ำ บอกว่า การย้ายตามครอบครัวข้ามมาอยู่ในไทย ทำให้เธอได้โอกาสในการเรียนรู้สังคมใหม่ แต่เมื่อต้องย้ายบ่อยครั้ง บางที่ก็อยู่ได้ไม่ถึง 2 ปี ทำให้ต้องเปลี่ยนที่เรียนตาม ส่วนภาษามอญ ภาษาพม่า ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่ได้เรียนในศูนย์ฯ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น เพราะต้องสื่อสารกับคนหลายเชื้อชาติที่อยู่รอบตัว

ส่วนโทเรียงอาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานนับ 10ปี จนสื่อสารได้คล่องแคล่ว ไม่เพียงภาษาพม่าที่เขาได้เรียนรู้ แต่การได้เรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรมเช่นการร่ายรำก็เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ลูกหลานได้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมบ้านเกิด หลังจบหลักสูตรประถมศึกษาสาวน้อยคงต้องออกไปทำงานในแพหมึกกับแม่ แต่ฝันของเธอและครอบครัวคือการกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิด โดยโทเรียงบอกว่า พ่อของเธาบอกว่าจะกลับบ้าน เพราะอองซานให้กลับได้ จึงต้องการจะเรียนภาษาพม่าไว้ เพราะกลับไปที่ประเทศจะได้ใช้

ขณะที่รอมยอม มอญ ครูประจำศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญ จ.สมุทรสาคร  กล่าวว่า การใช้ภาษาได้หลายภาษา ก็จะสามารถใช้อ่านหนังสือความรู้อื่นๆ เพิ่มเติมได้ มีความรู้ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ และเธอก็พยายามเต็มที่เพราะเด็กๆจะมีเวลาเรียนที่นี่ไม่มาก 1-2 ปี ก็ต้องย้ายไป แต่ก็ต้องมีความรู้ติดตัว

ศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญ เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาไทย และอนุรักษ์ภาษากลุ่มชาติพันธุ์มอญ และวัฒนธรรมดั้งเดิม ก่อตั้งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันมีอยู่ 2แห่งในสมุทรสาคร ดำเนินกิจกรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง จึงทำให้ยังขาดงบปรับปรุงอาคารเรียนและสื่อการสอนที่เพียงพอสำหรับเด็ก 80 คน นอกจากเนื้อหาหลักจะสอนให้เยาวชนได้รู้จักอัตลักษณ์มอญ ยังสร้างทัศนคติให้อยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายในสังคม
 
"ให้เขาเข้าใจวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าของตัวเอง ภาษาก็สอนในระดับที่สื่อสารกับสังคมคนรอบข้างเขาได้ ช่วยพ่อช่วยแม่เขาอ่าน เขียนหนังสือ อยู่ในสังคมได้" วิรัตน์ วิลาวรรณ์ ผู้ก่อตั้งศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญ จ.สมุทรสาคร กล่าว

สถานการณ์การเมืองในพม่าตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการโยกย้ายแรงงานจากพม่าเข้ามาในจังหวัดสมุทรสาครสูงถึง 1 แสน 2 หมื่นคน เป็นมอญร้อยละ 70 ที่เหลือเป็นกะเหรี่ยง ทวาย คะฉิ่น ไทใหญ่ และพม่า การมีศูนย์กลางภาษาและวัฒนธรรม ไม่เพียงให้เยาวชนที่ย้ายถิ่นได้เรียนรู้มรดกทางภูมิปัญญาอย่างเข้าใจเมื่อต้องกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิด พร้อมกันนั้นก็ได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาที่แตกต่างเพื่อความพร้อมที่จะอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและวัฒนธรรม