ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กมธ.การต่างประเทศ เรียกฝ่ายความมั่นคง ถกปมไทย-กัมพูชา

การเมือง
11:24
330
กมธ.การต่างประเทศ เรียกฝ่ายความมั่นคง ถกปมไทย-กัมพูชา
อ่านให้ฟัง
04:30อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กมธ.การต่างประเทศ เรียกฝ่ายความมั่นคง ถกปมชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะสถานการณ์บริเวณด่านชายแดนและผลกระทบต่อประชาชน ขณะที่ประธาน กมธ.การต่างประเทศ ชี้การแก้ปัญหาต้องยึดสันติวิธี และจะจบที่โต๊ะเจรจา

วันนี้ (25 มิ.ย.2568) กรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ประชุมพิจารณาศึกษาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และความคืบหน้าหลังการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย - กัมพูชา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงทั้งกระทรวงกลาโหม, กระทรวงการต่างประเทศ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ

น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ระบุว่า การประชุมในวันนี้เนื่องจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ปัจจุบันมีความละเอียดอ่อน และมีหลายประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงความคืบหน้าตามกรอบการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และความเห็นเชิงการทูตว่าประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางใด

สำหรับการเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 มาชี้แจง เพราะต้องการทราบสถานการณ์จริงในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณด่านต่างๆ เนื่องจากข่าวสารฝั่งไทยและกัมพูชามีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน สร้างความสับสนในวงกว้าง โดยมองว่าการแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก และมีความเป็นห่วงผู้ประกอบการสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบเรื่องการขนส่งขนส่งสินค้าเกษตร

แต่เชื่อว่าขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งแก้ปัญหากันอยู่และรัฐบาลมีนโยบายต่างๆเข้ามากดดัน โดยเฉพาะการปราบปรามขบวนการ Call Center ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยได้ และเป็นหนึ่งในมาตรการกดดันที่รัฐบาลไทยเลือกใช้ และมั่นใจว่า รัฐบาลทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะปัญหาชายแดนเกิดขึ้นมายาวนาน

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าประเทศเพื่อนบ้านต้องการอะไรกันแน่ระหว่างความต้องการส่วนบุคคล หรือ เป็นปัญหาของประเทศโดยตรง

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยไม่สามารถตัดตัวเองออกจากกัมพูชาได้ และท้ายที่สุดแล้วต้องกลับมาที่โต๊ะเจรจา เพราะการใช้กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตามที่กัมพูชาต้องการไม่ใช่ทางออก แต่ไทยต้องชัดเจนว่าจะไม่ใช้การตัดสินของ ICJ มาเป็นบรรทัดฐานและสุดท้ายแล้วปัญหาข้อขัดแย้งชายแดนไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศใดจะต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจและพูดคุยกันด้วยสันติวิธี

โดยมองว่านโยบายที่โต้ตอบกันในขณะนี้เป็นเพียงนโยบายระยะสั้นและคาดหวังว่า ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนจะคลี่คลายลงโดยเร็วเพราะผลสุดท้ายแล้วปัญหาจะกระทบต่อประชาชนสองประเทศ ขึ้นอยู่กับสองรัฐบาลจะพูดคุยกันอย่างไร ทั้งนี้ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้ทุกวิถีทางในพูดคุยหรือเจรจากับรัฐบาลที่ไม่เคารพต่อกฏกติกามารยาทโลกโดยแท้จริง

ทั้งนี้หน่วยงานที่เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ การต่างประเทศในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้แทน จากกระทรวงกลาโหม เช่น พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2, พ.อ.กัมปนาท วาพันสุ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 พ.อ.พิทักษ์ชัย กิ่งเกษ รองเสนาธิการกองกำลังสุรนารี

กระทรวงการต่างประเทศ นำโดยนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีนายรชฏ ปราการพิลาศ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ เป็นผู้ชี้แจง

อ่านข่าว : "ภูมิใจไทย" เปิดหน้าชน "เพื่อไทย" จ่อรวมฝ่ายค้าน ยื่นอภิปรายฯ นายกฯ-ครม.

"อนุทิน" รับสัมพันธ์ "ทักษิณ" ไม่เหมือนเดิม ถ้ารักกันคงไม่ยึด มท.

"คมนาคม-เอกชน" เดินหน้าแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด "ท่าเรือแหลมฉบัง"