ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รู้จักการ “กอด” สัญลักษณ์แสดงความห่วงใยที่คู่กับมนุษย์มายาวนาน


Lifestyle

สันทัด โพธิสา

แชร์

รู้จักการ “กอด” สัญลักษณ์แสดงความห่วงใยที่คู่กับมนุษย์มายาวนาน

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2734

รู้จักการ “กอด” สัญลักษณ์แสดงความห่วงใยที่คู่กับมนุษย์มายาวนาน

 

อย่าปฏิเสธว่าคุณไม่เคยกอดใคร เพราะ “ใคร ๆ” ต่างก็เคยกอดกัน แต่เคยรู้ไหมว่า การกอดนี้มีที่มาอย่างไร และการกอด มีสาระสำคัญอะไรที่มากกว่าการแสดงความรัก ในเมื่อ “กอด” เป็นของคู่กันกับมนุษย์มาช้านาน Thai PBS จึงขอนำเรื่องราวน่ารู้ของการกอด มาบอกกัน

รู้จัก “การกอด”

การกอด ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า hug เป็นรูปแบบของความใกล้ชิดทางกาย และเป็นสิ่งสากลในชุมชนมนุษย์ โดยลักษณะของการกอด คือ การที่คนสองคน หรือมากกว่านั้น นำแขนมาคล้องรอบคอ หลัง หรือเอว ของกันและกัน เพื่อจับกันไว้อย่างใกล้ชิด 

การกอด ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของอวัจนภาษา บ่งบอกได้ถึงความคุ้นเคย, ความรัก, ความหลง, ความเป็นเพื่อน, ความเป็นพี่น้อง หรือความเห็นใจ โดยขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม บริบท และความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคมนั้น ๆ

วัฒนธรรม “การกอด”

การกอด ถูกใช้ในหลากหลายบริบท และหลายสถานการณ์ของผู้คนทั่วโลก ทั้งการกอดเพื่อแสดงความดีใจ การกอดเพื่อปลอบประโลม การกอดเพื่อแสดงความรักและความอบอุ่น หรือแม้แต่การกอดฝ่ายเดียว ยังสะท้อนได้ถึงปัญหาความสัมพันธ์บางอย่าง

การกอด ยังเป็นการทักทายของผู้คนหลายประเทศ ทว่า การกอดทักทาย ของคนในบางประเทศ ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เช่น ในฝรั่งเศส ไม่นิยมกอดคนแปลกหน้า เพราะถือว่าการกอดเป็นการแนบเนื้อตัวกัน ดังนั้น จึงใช้เฉพาะคนในครอบครัวหรือคู่รักเท่านั้น หรือผู้คนในอังกฤษ ก็ไม่นิยมให้ชาวต่างชาติ เข้ามาทักทายตัวเองด้วยการกอดสักเท่าไร ส่วนใหญ่ใช้วิธีการจับมือกันท่านั้น

กอดกันดีอย่างไร ?

การกอด ที่ผ่านมา มีนักจิตบำบัดชื่อดังชาวอเมริกัน นามว่า Virginia Satir เคยทำการศึกษาและพบว่า มนุษย์ควรกอดกัน 4 ครั้งต่อวัน เพื่อความอยู่รอด หรือควรกอดกัน 8 ครั้งต่อวัน สำหรับการบำรุงรักษา และควรกอดกัน 12 ครั้งต่อวัน สำหรับการเจริญเติบโต

การกอดยังทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี เหตุผลเนื่องจาก เวลาที่มนุษย์กอดกัน ร่างกายจะเกิดการหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี

นอกจากนี้ออกซิโทซินยังทำให้ร่างกายของผู้ให้และผู้รับการกอด มีความผ่อนคลาย ช่วยสานสัมพันธ์การเป็นพวกพ้อง จึงมีชื่อเรียกฮอร์โมนนี้อีกอย่างหนึ่งว่า Love Hormone  

ฮอร์โมนออกซิโทซินยังช่วยกระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า และลดความเครียดได้

รู้จัก “ท่ากอด” มีหลากหลายความหมาย

การกอดมีหลายแบบ และท่ากอดยังบ่งบอกความหมายได้หลายประการ 

1.The Protector การโอบกอดจากด้านหลัง
ท่ากอดนี้สื่อถึงความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ อยากปกป้อง เป็นการแสดงออกถึงความปลอดภัย ความมั่นใจว่าเราจะปกป้องเขาได้

2.The Back Stroke กอดแบบลูบหลัง
ท่ากอดนี้สื่อถึงความรู้สึกความมั่นใจและไว้ใจซึ่งกันและกัน การลูบหลังยังบอกได้ว่า บุคคลคนนั้นแคร์กันและกันมากแค่ไหน

3.The Deadlock กอดแบบแน่น ๆ
ท่ากอดนี้สื่อถึงความรู้สึกที่กลัวว่าจะต้องปล่อยอีกฝ่ายไป แสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง อยากกอดไว้ให้นาน ๆ เพื่อเก็บความทรงจำดี ๆ ก่อนที่จะต้องจากกัน

4.The Slow Dance กอดเหมือนการเต้นรำ
ท่ากอดที่สื่อถึงความรู้สึกโรแมนติก แสดงออกถึงความรักที่อ่อนหวานละมุนละไม คนหนึ่งโอบเอว อีกคนหนึ่งกอดคอเอาไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในงานเต้นรำ เป็นท่ากอดที่โรแมนติกและอบอุ่น

5.The Reach Around กอดแบบโอบไหล่
ท่ากอดนี้สื่อถึงความรู้สึกให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง คนรัก หรือใครก็ตาม การกอดท่านี้ ผู้ที่ได้รับการกอด จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกห่วงใย ซึ่งเป็นความรูสึกที่ดีมาก ๆ

6.The Pat กอดพร้อมตบหลังเบา ๆ
ท่ากอดที่สื่อถึงความเป็นมิตรภาพที่ดี แสดงออกเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความสบายใจ ไม่ต้องคิดมาก เป็นการกอดเชิงรักใคร่แบบเพื่อน

7.The London Bridge กอดมีการเว้นระยะห่าง
ท่ากอดนี้สื่อถึงความรู้สึกที่ยังไม่สนิทกัน หรือเพิ่งรู้จักกัน เป็นการกอดเพื่อแสดงมารยาทในการพบเจอกัน

กอดตัวเองคนเดียวก็ทำได้

การกอดไม่จำเป็นต้องเกิดจากคนสองคน ในบางคราว เราสามารถ “กอดตัวเอง” เพื่อให้กำลังใจ และเป็นการให้ความสำคัญกับตัวเองได้เช่นกัน โดยวิธีการกอดตัวเอง คือ

  • ใช้แขนทั้งสองข้างกอดร่างกายของเราเอง ในระดับต่ำกว่าหน้าอกลงไป จะเป็นท่าที่ทำให้รู้สึกสบาย
  • ออกแรงกอดให้พอดี ทำได้นานจนกว่าจะพอใจ
  • กอดตัวเองแล้วโยกตัวเบา ๆ อาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
  • หากไม่ชอบการกอดตัวเอง ใหวางมือที่ไหล่ แล้วออกแรงบีบเบา ๆ คล้ายการนวดก็ช่วยได้เช่นกัน

กอดอย่างไรให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ

การกอดมีคุณประโยชน์ แต่การกอดที่ดี ต้องอยู่บนพื้นฐานการมีมารยาท และควรถูกต้องตามกาลเทศะ โดยเฉพาะในวัฒนธรรมไทย การกอดอาจไม่ใช่การแสดงออกที่แพร่หลายนัก ดังนั้น ก่อนจะทำการกอดใคร ควรพิจารณาความเหมาะสม เช่น

  • สังเกตภาษากาย ว่าเต็มใจรับการกอดหรือไม่ หากอีกฝ่ายมีท่าทางอึดอัด อาจเลือกแสดงความห่วงใยด้วยวิธีอื่น
  • พิจารณาความสัมพันธ์และโอกาส การกอดเพื่อนร่วมงานหรือคนที่ไม่สนิทกัน ควรทำอย่างระมัดระวัง
  • เลือกเวลาที่เหมาะสม เช่น กอดในโอกาสแสดงความยินดี และควรหลีกเลี่ยงการกอดในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ทำงานหรือต่อหน้าผู้อื่นจำนวนมาก

ในโลกนี้มี “วันกอด” ใดบ้าง ?

เพราะการกอดเป็นสิ่งสำคัญ ผู้คนจึงให้ความสำคัญ กระทั่งมี วันกอดให้ได้ตระหนักรู้อยู่มากมาย

  • ทุกวันที่ 21 มกราคมของทุกปี ได้รับการยกย่องให้เป็น “วันกอดสากล” หรือ National Hug Day เพื่อเป็นการส่งเสริมความเข้าใจ และการรับรู้ถึงความสำคัญของการกอด
  • ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีวันกอด หรือ Hug Day ตรงกับวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันที่อบอุ่นที่สุดในเกาหลีใต้
  • ทุกวันที่ 4 มิถุนายนของทุกปี ได้รับการยกให้เป็น วันกอดแมวสากล หรือ National Hug Your Cat Day ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เจ้าของแสดงความรักกับแมว และเพื่อให้ความสำคัญต่อแมวจรจัดและศูนย์พักพิงสัตว์
  • ทุกวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายนของทุกปี กำหนดให้เป็น “วันกอดสุนัขแห่งชาติ” หรือ National Hug Your Hound Day เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญ และแสดงออกถึงความรักกับสุนัข

การกอด ไม่ได้มีต้นทุนราคาแพง แต่บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้รับกลับคืนมา มีคุณค่าเหลือคณานับ รวมถึงบางขณะ ยังเป็นการแสดงสัญลักษณ์ที่ส่งความหมายอัน “ยิ่งใหญ่” อย่างมาก

อ้างอิง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

กอดการกอดhugวันกอดแห่งชาติวันกอดแมวสากลวันกอดสุนัขแห่งชาติNational Hug Day
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด